สงครามการค้าพ่นพิษฉุดดาวโจนส์ทรุดเกือบ300จุด

สงครามการค้าพ่นพิษฉุดดาวโจนส์ทรุดเกือบ300จุด

ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดวันอังคาร(3ก.ย.)ปรับตัวลง 285 จุดหลังผลสำรวจพบว่า ภาคการผลิตสหรัฐหดตัวลงในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี นอกจากนี้ บรรยากาศในตลาดยังได้รับผลกระทบจากการที่มาตรการตอบโต้ทางภาษีของสหรัฐและจีนเริ่มมีผลบังคับใช้

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ร่วงลง 285.26 จุดหรือ 1.08% ปิดที่ 26,118.02 จุด ดัชนีเอสแอนด์พี500 ร่วงลง 20.19 จุดหรือ 0.69% ปิดที่ 2,906.27 จุดและดัชนีแนสแด็กร่วง 88.72 จุด หรือ 1.11% ปิดที่ 7,874.16 จุด

ผลสำรวจของสถาบันจัดการด้านอุปทานของสหรัฐ (ไอเอสเอ็ม) ระบุว่า ดัชนีภาคการผลิตของสหรัฐลดลงสู่ระดับ 49.1 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนม.ค.2559 จากระดับ 51.2 ในเดือนก.ค. โดยดัชนีอยู่ต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ภาวะหดตัวของภาคการผลิตของสหรัฐ ซึ่งเป็นการหดตัวครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2559 หลังจากที่มีการขยายตัวติดต่อกัน 36 เดือน

ทั้งนี้ ภาคธุรกิจมีความวิตกกังวลเกี่ยวกับการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ส่งผลให้คำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกหดตัวลงในเดือนส.ค.

นอกจากนี้ ไอเอชเอส มาร์กิต ซึ่งเป็นบริษัทให้บริการข้อมูลทางการเงิน เปิดเผยว่า ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (พีเอ็มไอ) ภาคการผลิตของสหรัฐ ปรับตัวลงสู่ระดับ 50.3 ในเดือนส.ค. ซึ่งเป็นระดับต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนก.ย.2552 จากระดับ 50.4 ในเดือนก.ค. โดยได้รับผลกระทบจากการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน

ดัชนีพีเอ็มไอ ถูกกดดันจากการชะลอตัวของคำสั่งซื้อใหม่ โดยคำสั่งซื้อเพื่อการส่งออกลดลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี ขณะที่การจ้างงานทรงตัว

ขณะที่หุ้นโบอิ้งและแคทเธอร์ พิลลาร์ดิ่งลงกว่า 1% ในวันนี้ โดยหุ้นของบริษัททั้งสองถือเป็นตัวชี้วัดสภาวะการค้าของสหรัฐ เนื่องจากมีการลงทุนจำนวนมากในต่างประเทศ