ไฟเขียวงบปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้าน งบกลาง 5 แสนล้าน

ไฟเขียวงบปี 63 วงเงิน 3.2 ล้านล้าน งบกลาง 5 แสนล้าน

ครม.ไฟเขียวรายละเอียดงบประมาณรายจ่ายปี 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท แบ่ง 7 ยุทธศาสตร์ กันงบกลางฯกว่า 5 แสนล้านบาท

นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 3 ก.ย. มีมติเห็นชอบงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 ตามที่สำนักงบประมาณเสนอ โดยกรอบงบประมาณอยู่ที่ 3.2 ล้านล้านบาท

ทั้งนี้ ในการเสนอคำของบประมาณเข้ามาสู่การพิจารณาทั้งหมดกว่า 5.09 ล้านล้านบาท โดยสำนักงบประมาณได้มีการพิจารณาคำของบประมาณทั้งหมด โดยคำนึงถึงประมาณการรายรับและฐานะการคลังของประเทศ ความจำเป็นในการดำเนินภารกิจเพื่อการพัฒนาประเทศตามยุทธศาสตร์ชาติ แผนแม่บทภายใต้ยุทธศาสตร์ชาติ และพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 12 นโยบายความมั่นคงแห่งชาติ แผนการปฏิรูปประเทศ นโยบายสำคัญของรัฐบาล และปลักปรัชาญาเศรษฐกิจพอเพียง รวมทั้งเสถียรภาพทางเศรษฐกิจภายในและภายนอกประเทศ เพื่อให้เกิดประสิทธิภาพและความคุ้มค่าในการใช้จ่ายงบประมาณและเกิดผลสัมฤทธิ์ผลในการบริหารจัดการภาครัฐเพื่อขับเคลื่อนการดำเนินงานของรัฐบาลอย่างเป็นรูปธรรม

โดยโครงสร้างของงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2563 วงเงิน 3.2 ล้านล้านบาท ปรับเพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 2 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 6.7% รายจ่ายงบประมาณประจำอยู่ที่ 2.39 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.19 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% รายจ่ายเพื่อชดเชยเงินคงคลัง 6.27 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณก่อน 100% รายจ่ายเพื่อการลงทุนวงเงิน 6.55 แสนล้านบาทเพิ่มขึ้น 6,664 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1% รายจ่ายเพื่อชำระคืนต้นเงินกู้ 8.91 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.09 หมื่นล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 14% ส่วนประมาณการรายได้ปี 2563 อยู่ที่ 2.731 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.81 แสนล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 7.1% เป็นงบประมาณขาดดุล 4.69 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.9 หมื่นล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.2%

สำหรับงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 แบ่งตามยุทธศาสตร์การจัดสรรงบประมาณ 7 ด้าน ได้แก่
1. ยุทธศาสตร์ด้านความมั่นคง วงเงิน 4.28 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.4% ของงบประมาณทั้งหมด
2. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างความสามารถในการแข่งขันวงเงิน 3.8 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 11.8% ของงบประมาณทั้งหมด 3. ยุทธศาสตร์ด้านการพัฒนาและเสริมสร้างศักยภาพทรัพยากรมนุษย์วงเงิน 5.7 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 17.9% ของงบประมาณทั้งหมด
4. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างโอกาสและความเสมอภาคทางสังคมวงเงิน 7.66 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 23.9% ของงบประมาณทั้งหมด
5. ยุทธศาสตร์ด้านการสร้างการเติบโตบนคุณภาพชีวิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม วงเงิน 1.18 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 3.7% ของงบประมาณทั้งหมด

6. ยุทธศาสตร์ด้านการปรับสมดุลและพัฒนาระบบการบริหารจัดการภาครัฐวงเงิน 5.04 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 15.8% ของงบประมาณทั้งหมด

และ 7.รายการค่าดำเนินการภาครัฐวงเงิน 4.31 แสนล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13.5% ของงบประมาณทั้งหมด

ทั้งนี้ หากจำแนกการจัดสรรงบประมาณออกเป็นรายกระทรวงพบว่าในปีงบประมาณ 2563 งบประมาณที่มีการจัดสรรสูงสุดได้แก่งบกลางรายการสำรองจ่าย กรณีฉุกเฉินและจำเป็นเร่งด่วน ซึ่งเป็นอำนาจการอนุมัติของนายกรัฐมนตรีซึ่งจัดสรรเป็นวงเงินถึง 5.18 แสนล้านบาท รองลงมาคือกระทรวงศึกษาธิการได้รับการจัดสรร 3.68 แสนล้านบาท กระทรวงมหาดไทยได้รับการจัดสรรวงเงิน 3.53 แสนล้านบาท กระทรวงการคลังได้รับการจัดสรรวงเงิน 2.49 แสนล้านบาท กระทรวงกลาโหมได้รับการจัดสรรวงเงิน 2.33 แสนล้านบาท

ส่วนกระทรวงที่ได้รับการจัดสรรงบประมาณน้อยที่สุดได้แก่ กระทรวงพลังงานได้รับการจัดสรรงบประมาณ 2,158 ล้านบาท กระทรวงอุตสาหกรรมได้รับการจัดสรรงบประมาณ 5,363.8 ล้านบาท และกระทรวงท่องเที่ยวและกีฬาได้รับการจัดสรรวงเงิน 6,071 ล้านบาท

นายเดชาภิวัฒน์ ณ สงขลา ผู้อำนวยการสำนักงบประมาณกล่าวว่าการจัดสรรงบประมาณในส่วนของงบกลางฯที่สูงถึง 5 แสนล้านบาท เนื่องจากเป็นงบประมาณรายจ่ายเพื่อเบี้ยหวัดบำนาญของข้าราชการที่จะเกษียณ รายจ่ายสำหรับการบรรจุและรับข้าราชการบรรจุใหม่ ข้ารักษาพยาบาลราชาการที่เพิ่มขึ้น โดยในส่วนนี้เป็นวงเงินประมาณ 4 แสนล้านบาท โดยส่วนที่เป็นงบกลางที่อยู่ในความดูแลและเป็นอำนาจของนายกรัฐมนตรี เพียง 9 หมื่น – 1 แสนล้านบาท ซึ่งใกล้เคียงจากงบกลางฯในปีที่ผ่านมาๆ

ทั้งนี้ หลังจากที่ ครม.เห็นชอบรายละเอียดการจัดทำงบประมาณปี 2563 แล้ว สำนักงบประมาณจะนำเอารายละเอียดไปจัดทำร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี 2563 เพื่อเสนอเข้าสู่ที่ประชุม ครม.อีกครั้งในปลายเดือนนี้ ก่อนที่จะนำเสนอเข้าสู่การพิจารณาของรัฐสภาในวันที่ 17 ต.ค.เพื่อพิจารณาในวาระที่ 1 ตามขั้นตอนต่อไป