‘วราวุธ ศิลปอาชา’ แฟมิลี่แมนแดนสุพรรณ

‘วราวุธ ศิลปอาชา’  แฟมิลี่แมนแดนสุพรรณ

รัฐมนตรีมือใหม่แต่ไม่ใช่หน้าใหม่ในวงการเมือง กับเรื่องที่เขาอยากให้คนรู้จักมากไปกว่า “ลูกนายกฯ บรรหาร”

หากจะกล่าวถึงนักการเมืองคนดังแห่งสุพรรณบุรี แน่นอนว่า หนึ่งในนั้นมีชื่อของ ' ท๊อปวราวุธ ศิลปอาชา ทายาทนักการเมือง เจ้าของฉายา 'มังกรสุพรรณ' และนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ที่ชื่อ 'บรรหาร ศิลปอาชา' รวมอยู่ด้วย

ฉะนั้น การเป็นทายาทนักการเมืองระดับตำนานแห่งสุพรรณบุรี จึงไม่แปลกที่บทบาทของเขาจะถูกจับตามาตั้งแต่เริ่มก้าวเข้าสู่สนามการเมืองครั้งแรก ในปี 2544 ในฐานะ ส.ส.รุ่นใหม่ไฟแรงแห่งพรรคชาติไทย ด้วยวัยเพียง 28 ปี ก่อนก้าวขึ้นสู่การเป็นรัฐมนตรีในตำแหน่ง รมช.คมนาคม ในปี 2551 ด้วยวัยเพียง 35 ปี

นอกเหนือจากความเป็นนักการเมือง ที่ขณะนี้ขึ้นแท่นเป็นเสนาบดีแห่งกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมแล้ว ในวัย 46 ปี บทบาทและตัวตนของวราวุธ ยังมีอีกหลายลุค ที่อาจไม่ค่อยมีใครได้เห็น เราจะพาไปล้วงลึกถึงตัวตน และแง่คิดของผู้ชายที่ชื่อวราวุธ ในบทบาทต่างๆ

 

การเข้าสู่สนามการเมืองอย่างรวดเร็ว แน่นอนคนต้องมองว่า เพราะเป็นลูกนายกฯ บรรหาร เป็นน้องชายคุณกัญจนา ศิลปอาชา นอกเหนือจากความเป็นลูกบรรหารและน้องชายกัญจนาแล้ว อะไรที่คิดว่าคนชื่อ 'วราวุธ' มี และทำให้ประสบความสำเร็จ

เมื่อก่อนทุกคนรู้จักผม เพราะเป็นลูกบรรหาร ไม่มีใครรู้จักเพราะเป็นวราวุธ แต่สิ่งที่ผมมี คือผมมีครอบครัว ผมมีคุณแม่ มีพี่สาว มีภรรยา มีลูกๆ ที่คอยผลักดันให้ผมเดินมาถึงวันนี้ได้

ครอบครัวเปรียบเสมือนเป็นปลั๊ก เป็นพาวเวอร์แบงค์ เอาไว้ชาร์จแบต และมีคนที่ชื่อบรรหาร ศิลปอาชา เอาไว้เป็นต้นแบบ ทุกวันนี้ เวลาที่ผมทำงาน ผมจะบอกกับตัวเองเสมอว่า ทำอย่างไรก็ได้ อย่าให้คนเขาว่า เสียชื่อลูกบรรหาร พ่อทำไว้ดี เจ๊งสมัยลูก ผมยอมไม่ได้ ผมจะไม่ยอมให้ใครพูดแบบนี้เป็นอันขาด

ฉะนั้นทุกวันนี้ที่ผมตื่นเช้าขึ้นมาทำงาน ลุกขึ้นจากเตียง และอยากจะมาทำงาน เพราะผมอยากจะทำให้คนได้รู้สึกว่า รัฐมนตรีกระทรวงนี้ มาอยู่แล้วไม่เสียเวลา ท่านนายกฯ ประยุทธ์ เลือกคนมาทำงานไม่ผิด เราอยากมีโอกาสสักครั้งหนึ่งในชีวิต ใช้หนึ่งสมองสองมือที่พ่อให้มา ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ

การที่มีพ่อชื่อบรรหาร มันยิ่งทำให้เป็นแรงกดดัน และแรงผลักดันไปข้างหน้าว่าเราต้องทำให้ได้ ต้องทำให้ดี ด่าเราไม่ว่า แต่ด่าพ่อผม ยอมไม่ได้

 

การเป็นลูกชายนายกฯ บรรหาร มีผลต่อเส้นทางการเมืองของตัวเองมากน้อยแค่ไหน

บางคนก็อาจจะบอกว่า คำก็ลูกบรรหาร สองคำก็ลูกบรรหาร แต่สิ่งที่บรรหาร ศิลปอาชา ซึ่งเป็นนายกคนที่ 21 ของประเทศไทยมี เวลาที่ผมเข้าทำเนียบฯ ผมก็จะไปถ่ายรูปกับท่าน 70 ล้านคนมีคนที่เป็นนายกฯ ผ่านมาแค่ 30 คนเท่านั้น และท่านก็เป็นหนึ่งใน 30 คนนั้น ฉะนั้นการที่ท่านฉายเงาที่ใหญ่มาก ฉายภาพตัวผมมา ชีวิตนี้จะให้ผมหนีอย่างไรก็หนีไม่พ้น จะเป็นอะไรที่ใหญ่กว่านายบรรหาร ไม่มี นี่เป็นสถานะที่ใหญ่ที่สุดที่คนคนหนึ่งจะมี

ดังนั้นการที่จะไปตั้งแง่ว่าเป็นลูกบรรหาร เราก็ใช้มันให้เป็นประโยชน์ ว่าใช่ ผมเป็นลูกบรรหาร แล้วผมก็จะทำให้ชื่อเสียงของนายบรรหาร สืบสานปณิธานต่อไป

วันนี้นายบรรหารเป็นนักการเมืองหนึ่งในไม่กี่คนของประเทศ ที่พอเสียชีวิตไปแล้ว คนทั้งจังหวัดยินยอมพร้อมใจสร้างอนุสาวรีย์ให้ การที่มีรูปปั้นของนายบรรหารตั้งอยู่บริเวณหน้ามังกร เป็นเครื่องเตือนใจผมอยู่เสมอว่า ตายไปแล้วเอาตังค์อะไรไปไม่ได้สักอย่าง สิ่งเดียวที่จะทิ้งเอาไว้ ให้คนจำได้ ก็คือตำนาน ความดี และคุณความดีที่ได้ทำเอาไว้ต่อแผ่นดินนี้ นี่คือสิ่งที่จะทำให้เรามีชีวิตเป็นอมตะ ตัวตาย แต่ชื่อยัง วันนี้นายบรรหารตายไปแล้ว 3 ปี ทุกคนยังพูดถึงนายบรรหาร

นี่คือสิ่งที่ทำให้เห็นว่า ความดีและผลงานที่เราฝากเอาไว้ จะเป็นมรดกที่เราทิ้งไว้ให้ เมื่อเราตายไปแล้ว ตัวผมเอง เป็นมรดกที่นายบรรหารทิ้งไว้ให้แก่แผ่นดินไทย ฉะนั้น มรดกชิ้นนี้จะต้องไม่ทำให้แผ่นดินไทยมัวหมอง ก็เป็นปณิธาน ที่ทำให้ผมตั้งหน้าตั้งตา ตื่นเช้าขึ้นมาทำงาน ก็อาจเรียกได้ว่า เป็นการพลิกวิกฤต พลิกคำสบประมาท มาเป็นแรงผลักดัน อย่าไปวิ่งหนีมัน วิ่งหนีมันทำไม

ตำแหน่งที่ผมภูมิใจที่สุดในชีวิต ไม่ใช่ตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการ แต่ตำแหน่งที่ผมภูมิใจที่สุด คือการเป็นลูกนายบรรหาร การที่ได้เป็นลูกชายคนเดียวของนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 เป็นตำนาน เกิดมาชั่วชีวิตไม่มีอะไรที่มีคุณค่ามากกว่านี้

  FB_IMG_1567061027763

ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่ขึ้นแท่นรัฐมนตรีว่าการ เพิ่งเข้ามาดูเหมือนจะเจอรับน้องในหลายๆ เรื่อง ล่าสุดประเด็นร้อน คือการตายของสองพะยูนน้อย มาเรียมและยามีล หนึ่งเดือนกว่าๆ ของการเป็นรัฐมนตรี เราได้เรียนรู้บทเรียนต่างๆ เหล่านี้อย่างไร

กรณีของน้องมาเรียมและน้องยามีล ผมไม่เรียกว่าเป็นความผิดพลาด สิ่งแรกที่ผมทำ คือให้กำลังใจทีมคุณหมอ ทุกๆ คน ทีมพยาบาล ทีมพี่เลี้ยงที่คอยดูแล ก็ต้องบอกตรงๆ ว่า การเลี้ยงพะยูนที่มีอายุเพียงไม่กี่เดือน มันไม่ใช่ความผิดพลาด แต่มันไม่มีใครที่เคยเลี้ยงพะยูนได้ในอายุเท่านี้ เราก็ได้แต่คาดเดาว่ามันควรจะอย่างนั้น ควรจะอย่างนี้

แต่การคาดเดาของทีมงาน ไม่ใช่การคาดเดามั่ว แต่เป็นการคาดเดาอย่างมีพื้นฐานของหลักวิทยาศาสตร์เข้ามา เมื่อเราไม่สามารถยื้อให้เขาอยู่กับเราได้ ก็เอาการตายนี้เป็นบทเรียน แต่สิ่งที่เราได้เป็นอุทาหรณ์ในครั้งนี้ ส่วนหนึ่งมาจากเศษพลาสติกเพียงไม่กี่ชิ้น

ผมพูดเสมอว่า เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว การที่ทิ้งเศษพลาสติกเพียงไม่กี่ชิ้น ทำให้คนไทยทั้งประเทศเสียใจ ฉะนั้นวันนี้ก็เป็นการพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส ทุกเรื่องจะมีสองด้านเสมอ เหรียญทุกเหรียญจะมีสองด้าน เราหาอีกด้านของเหรียญให้เจอ แล้วพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาส จะทำอย่างไรให้กระตุ้นจิตสำนึก ทำให้คนหันมาสนใจในเรื่องการทิ้งขยะมากขึ้น

ผมยังไม่ขอให้คนไทยแยกทิ้งขยะ แยกขวดพลาสติก แยกกระป๋อง อลูมิเนียม กระดาษ วันนี้ขออย่างเดียว ให้คนไทยทิ้งขยะลงถัง

 

นอกเหนือจากงานการเมือง ยังมีอีกหนึ่งบทบาท คือการทำทีมฟุตบอลสุพรรณบุรีเอฟซี หลายคนคงสงสัยว่า งานการเมืองก็ยุ่งอยู่แล้ว ทำไมไปทำทีมฟุตบอล ปัจจุบันนี้บริหารจัดการอย่างไร

ตอนนั้น (ปี 2551) ไม่ได้เป็นนักการเมือง เพราะโดนยุบพรรค ประธานสโมสรคนเก่าเขามีปัญหาเยอะ ก็มาขอให้คุณพ่อช่วย ปี 2551 พรรคชาติไทยโดนยุบ ผมก็โดนแบน 5 ปี คุณพ่อก็เลยบอกให้ผมเข้าไปทำ จะบอกว่าทำเล่นๆ ก็ไม่ใช่ แต่พอกาลเวลาเปลี่ยนไป นายบรรหารไม่อยู่ ถ้าวันนี้นายบรรหารยังอยู่ ผมก็อาจทำทีมฟุตบอลต่อ เพราะการเมืองก็มีพ่อทำให้ ฉะนั้นเราก็ต้องทำให้ถูก จะบอกว่าอยากทำทุกอย่าง รบหลายหน้า มันไม่ไหว บางครั้งจึงต้องจัดลำดับความสำคัญ

ตอนนี้ผมลาออกแล้ว ก็อาจจะกระทบต่อผลงานของทีมบ้าง แต่วันนี้ต้องยอมรับว่า ระหว่างทีมฟุตบอล กับกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม พอเข้าใจกันได้ แม้ผลงานไม่ดี พอผมออกจากการเป็นรัฐมนตรี ผมก็ไปทำทีมฟุตบอลใหม่ได้ แต่กระทรวงนี้ มีโอกาสเข้ามาทำงานแล้ว มันเป็นครั้งหนึ่งในชีวิต มันไม่ใช่ของเล่น จะมาลองกันไม่ได้

 

การเป็นนักการเมืองและการทำทีมฟุตบอล มักถูกมองว่าเป็นการทำกีฬาในลักษณะธุรกิจการเมือง?

คงไม่ใช่ธุรกิจ เพราะมันขาดทุนทุกปี ใครอยากทำเอาเลย เพราะมันไม่มีกำไร ตอนนี้อยู่ในอันดับบ๊วยของตาราง อย่างสโมสรบุรีรัมย์ของพี่เน (เนวิน ชิดชอบ) พี่เนเขาไม่ได้ทำงานการเมือง เขาก็ทุ่มเทของเขาได้เต็มที่ แต่อย่างของผม พี่นา (กัญจนา ศิลปอาชา) กับผม ตอนนี้ก็ทำหน้าที่ตรงนี้อย่างเต็มที่ ฉะนั้นเราก็ทำเต็มที่ เท่าที่เราทำได้ เพียงแต่ว่าต้องขอโทษคนที่ไม่พอใจ แต่วันนี้เรามีโอกาสที่จะมาทำงานให้ประเทศชาติ เราก็ขอโอกาสขอเวลาให้เรามาทำงานก่อน

ตอนนี้มีประธานสโมสรก็ว่ากันไป ภรรยาของผมก็ไปเป็นที่ปรึกษา ไปนั่งคุมทีม ก็บริหารงานกันไปไม่ได้เกี่ยวกับผม เกี่ยวไม่ได้เพราะกฎหมายไม่ให้เกี่ยว แฟนๆ ที่ถามว่า เมื่อไหร่ผมจะกลับมาคุมทีม ผมก็บอกไปว่าเมื่อนายกฯ ไล่ผมออกจากการเป็นรัฐมนตรี เพราะบทบาทหน้าที่การเป็นรัฐมนตรี 70 ล้านคนมีอยู่ 35 คน ผมก็ขอทำหน้าที่ตรงนี้ก่อน

 

ถ้าจะเปรียบการบริหารทีมฟุตบอลกับการเมือง คิดว่ามีความเหมือนหรือแตกต่างกันอย่างไร

เหมือนกันตรงที่ เราต้องหาคนที่เป็น The right man on the right job. การบริหารสโมสรฟุตบอลไม่ใช่แค่การบริหารแต่ในสนามหญ้า มันรวมไปถึงการบริหารบุคลากร Admin office ในหลายๆ ด้าน การทำงานการเมืองก็เหมือนกัน มันก็คือการบริหารคน การอาศัยความอดทน บางทีบอลแพ้มา เราก็ต้องอดทน บางทีแพ้ไปเรื่อยๆ มีผิดหวัง มีสมหวัง แต่พื้นฐานทางการเมือง ส่งให้เรารู้ว่า เราก็ต้องอดทน ณ จุดหนึ่งมันก็จะสอนให้เราแก้ปัญหาและผ่านไปให้ได้ ศาสตร์แห่งการบริหารคนเป็นสิ่งที่ยากที่สุดแล้ว ก็ต้องขอบคุณที่พ่อให้ไปทำสโมสรเพราะมันเป็นการฝึกความอดทน

ความต่างก็คือ สเกล สโมสรมันขนาดนี้ แต่กระทรวงคือประเทศไทยทั้งประเทศ รวมไปถึงเวทีต่างประเทศอีกต่างหาก นั่นก็เป็นบันไดและเป็นความท้าทายให้เราเติบโตขึ้นไป

  FB_IMG_1567061215920

เป้าหมายสูงสุดของ 'วราวุธ ศิลปอาชา' คืออะไร

ทำอย่างไรให้ผมสามารถดูแลครอบครัวได้ เหมือนคนชื่อบรรหารดูแลผมกับแม่แจ่มใส อันที่สองทำอย่างไร เมื่อผมตายไปแล้ว คนจะยังจำได้ว่า ผมทำอะไรให้กับแผ่นดินไทยบ้าง ไม่ใช่ตายไปแล้วก็ดี ตายไปซะได้ก็ดี ความท้าทายมันอยู่ที่ เมื่อผมตายไปแล้ว คนจะจำชื่อวราวุธ ศิลปอาชา ว่าอย่างไร

การทำงานเพื่อแผ่นดินไทย เพื่อชาวจังหวัดสุพรรณบุรี รักษาชื่อเสียงเหมือนที่นายบรรหารได้ทำมา ลูกเมียครอบครัวเรา ต้องดูแลเขาให้ได้เหมือนที่พ่อเราดูแลเรา

 

ในวันที่วางบทบาททุกอย่างลง เป็นวราวุธคนธรรมดาคนหนึ่ง สิ่งที่อยากทำและคิดว่ามีความสุขที่สุดคืออะไร

ครอบครัวนี่ไง 5 คนนี้ ลูกสาวเป็นนักสเก็ตน้ำแข็งทีมชาติ ตอนนี้ซ้อมอยู่ที่บอสตัน เดี๋ยวปลายปีนี้จะไปแข่งซีเกมส์ที่ฟิลิปปินส์ ลูกสาวอายุ 17 ปี ลูกชายอายุ 15 และ 13 ปี กิจกรรมส่วนใหญ่เวลาว่าง ก็จะไปวิ่ง ปั่นจักรยาน แต่ตอนนี้อยากอยู่กับลูก อยู่กับครอบครัว ได้ไปออกกำลังกาย ได้ไปวิ่ง ได้ไปเหงื่อออก ตอนนี้ไม่ได้ไปวิ่งมาเกือบเดือนแล้ว

 

ตัวตนของ 'วราวุธ ศิลปอาชา' ในมุมที่หลายคนอาจจะยังไม่เคยเห็น?

ความเป็นพ่อของนักกีฬาทีมชาติ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลยที่จะต้องมองดูลูกตัวเองล้ม กลับบ้านมามีรอยเขียวรอยช้ำ เห็นลูกร้องไห้ ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย มุมนี้ยังไม่เคยมีใครเห็น แต่เราก็สั่งสอนเขาในเรื่องนี้ว่า ต้องมีวินัยมีความอดทน ต้องมีความเชื่อมั่น นี่เป็นสิ่งที่ผมสอนลูก 3 คนมาตลอด

เขาร้องไห้กลับมาหาผม ผมไม่เคยปลอบ ไม่เคยโอ๋ ผมไล่เขากลับไปฝึกใหม่ ผมบอกเขาว่า ฝึกแล้วล้มเพราะซ้อมไม่พอ ฉะนั้นมาหาพ่อก็ช่วยไม่ได้ ต้องกลับไปฝึกใหม่ กลับไปซ้อมใหม่ ผมจะต้องเข้มงวดกับลูก เพื่อที่วันหนึ่งผมไม่อยู่แล้ว เขาจะต้องอยู่ของเขาเองได้ ฉะนั้นบทบาทพ่อนักกีฬาทีมชาติ ไม่มีใครเคยเห็น

  20190828_121823