จับตา 'พายุดีเปรสชั่น' แรงขึ้น เตือนภาคอีสานรับมือฝนตกหนัก

จับตา 'พายุดีเปรสชั่น' แรงขึ้น เตือนภาคอีสานรับมือฝนตกหนัก

กอปภ.ก. จับตาพายุดีเปรสชั่นแรงขึ้น เตือนภาคอีสานรับมือฝนตกหนัก อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 2-3 ก.ย.นี้

นายชยพล ธิติศักดิ์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) เปิดเผยว่า กองอำนวยการป้องกันและบรรเทา
สาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก) โดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาพอากาศกับกรมอุตุนิยมวิทยา คาดว่า พายุดีเปรสชั่นบริเวณทะเลจีนใต้จะทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อนและเคลื่อนตัวเข้าสู่เกาะไหหลำในวันนี้ (2 ก.ย. 62) ทำให้ภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีฝนตกเพิ่มขึ้นและฝนตกหนักบางแห่ง ประกอบกับมีปริมาณน้ำฝนสะสมในพื้นที่ อาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และดินถล่มในช่วงวันที่ 2 – 3 กันยายน 2562 สำหรับคลื่นลมในทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังแรง
คลื่นสูง 2 – 3 เมตร และบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร กอปภ.ก โดย ปภ. ได้กำชับให้ศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขตประสานจังหวัดในพื้นที่เสี่ยงภัย ประกอบด้วย

จับตา 'พายุดีเปรสชั่น' แรงขึ้น เตือนภาคอีสานรับมือฝนตกหนัก

พื้นที่ติดตามผลกระทบจากฝนตกหนัก แยกเป็น ภาคเหนือ ได้แก่ เชียงใหม่ เชียงราย พะเยา แพร่ น่าน ลำพูน ลำปาง ตาก สุโขทัย กำแพงเพชร อุตรดิตถ์ พิษณุโลก พิจิตร เพชรบูรณ์ นครสวรรค์ และอุทัยธานี ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย บึงกาฬ หนองคาย อุดรธานี หนองบัวลำภู ขอนแก่น ชัยภูมิ นครพนม สกลนคร มุกดาหาร กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด มหาสารคาม นครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ ศรีสะเกษ อำนาจเจริญ ยโสธร และอุบลราชธานี ภาคกลาง ได้แก่ ราชบุรี กาญจนบุรี สุพรรณบุรี ชัยนาท สิงห์บุรี อ่างทอง พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรีนครนายก เพชรบุรี และประจวบคีรีขันธ์ ภาคตะวันออก ปราจีนบุรี สระแก้ว ฉะเชิงเทรา ชลบุรี ระยอง จันทบุรี ตราด ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล

พื้นที่ติดตามน้ำล้นตลิ่ง น้ำท่วมขัง ประกอบด้วย ภาคเหนือ ได้แก่ อุตรดิตถ์ (ลำน้ำปาด) แพร่ (แม่น้ำยม) พิษณุโลก (แม่น้ำน่าน) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ อุดรธานี (ห้วยหลวง) สกลนคร (แม่น้ำสงคราม) กาฬสินธุ์ ร้อยเอ็ด ยโสธร (ลำน้ำยัง) ยโสธร (ลำเซบาย) อุบลราชธานี (ลำเซบาย แม่น้ำโขง)

พื้นที่ติดตามน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินถล่ม ประกอบด้วย ภาคเหนือ เชียงใหม่ (อำเภอแม่แจ่ม แม่แตง ฝาง ดอยสะเก็ด จอมทอง แม่ริม) แม่ฮ่องสอน (อำเภอแม่ลาน้อย แม่สะเรียง) น่าน (อำเภอนาน้อย นาหมื่น

จับตา 'พายุดีเปรสชั่น' แรงขึ้น เตือนภาคอีสานรับมือฝนตกหนัก

เวียงสา บ่อเกลือ เชียงกลาง ท่าวังผา) แพร่ (อำเภอลอง เด่นชัย ร้องกวาง วังชิ้น) อุตรดิตถ์ (อำเภอบ้านโคก ท่าปลา ฟากท่า น้ำปาด ลับแล) พิจิตร (อำเภอเมืองพิจิตร) ตาก (อำเภอสามเงา บ้านตาก ท่าสองยาง) เพชรบูรณ์ (อำเภอเมืองเพชรบูรณ์ หล่มสัก หล่มเก่า เขาค้อ วิเชียรบุรี ชนแดน หนองไผ่ วังโป่ง บึงสามพัน) สุโขทัย (อำเภอคีรีมาศ) พิษณุโลก (อำเภอวังทอง นครไทย เนินมะปราง
ชาติตระการ) ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ได้แก่ เลย (ด่านซ้าย นาแห้ว ภูเรือ) ขอนแก่น (อำเภอภูผาม่าน) ชัยภูมิ (อำเภอคอนสาร เกษตรสมบูรณ์ หนองบัวแดง เทพสถิต ภักดีชุมพล แก้งคร้อ) มุกดาหาร (อำเภอเมืองมุกดาหาร) มหาสารคาม (อำเภอบรบือ โกสุมพิสัย) กาฬสินธุ์ (อำเภอกมลาไสย) ร้อยเอ็ด (อำเภอโพนทอง ธวัชบุรี) ภาคกลาง ได้แก่ กาญจนบุรี (อำเภอทองผาภูมิ สังขละ สังขละบุรี ไทรโยค) ราชบุรี (อำเภอสวนผึ้ง ปากท่อ) ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง (อำเภอเมืองระนอง กระบุรี ละอุ่น) พังงา (อำเภออำเภอตะกั่วทุ่ง ตะกั่วป่า คุระบุรี ท้ายเหมือง)

พื้นที่ติดตามสถานการณ์คลื่นลมแรง แยกเป็น ภาคตะวันออก ได้แก่ ชลบุรี ระยอง จันทบุรี และตราด ภาคใต้ ได้แก่ ระนอง พังงา ภูเก็ต กระบี่ ตรัง และสตูล เตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ภัย โดยกำชับให้ดำเนินการตามมาตรการ และแนวทางการปฏิบัติตามแผนเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัย พร้อมทั้งจัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน ระดับน้ำ และแนวโน้มสถานการณ์ภัยอย่างใกล้ชิดตลอด 24 ชั่วโมง ควบคู่กับการจัดเตรียมชุดเคลื่อนที่เร็ว เครื่องมืออุปกรณ์เข้าประจำพื้นที่เสี่ยงให้พร้อมปฏิบัติการเผชิญเหตุและช่วยเหลือผู้ประสบภัยทันที นอกจากนี้ ประสานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้มงวดมาตรการความปลอดภัยทางทะเล โดยเฉพาะการห้ามเดินเรือขนาดเล็ก รวมถึงให้ผู้ควบคุมเรือตรวจสอบความพร้อมของตัวเรือ เครื่องยนต์ จัดเตรียมเครื่องมือประจำเรือและอุปกรณ์ช่วยชีวิตทางน้ำให้พร้อมใช้งาน อีกทั้งกำชับสถานประกอบการในพื้นที่ริมชายฝั่งทะเลแจ้งเตือนนักท่องเที่ยวห้ามประกอบกิจกรรมทางทะเลทุกประเภทในช่วงที่มีคลื่นลมแรง ทั้งนี้ ขอให้ประชาชนที่อาศัยในพื้นที่เสี่ยงภัยติดตามพยากรณ์อากาศ และปฏิบัติตามประกาศเตือนภัยอย่างเคร่งครัด ท้ายนี้ ประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากสถานการณ์ภัยสามารถติดต่อได้ทางสายด่วนนิรภัย 1784 ตลอด 24 ชั่วโมง เพื่อประสานให้การช่วยเหลือโดยด่วนต่อไป