ท่าเรือจีนหวังพึ่งอาเซียนหลังสงครามการค้าฉุดรายได้

ท่าเรือจีนหวังพึ่งอาเซียนหลังสงครามการค้าฉุดรายได้

สงครามการค้าที่ยืดเยื้อระหว่างสหรัฐและจีน กดดันให้ไชนา เมอร์ชานท์ พอร์ท โฮลดิงส์ บริษัทบริหารจัดการท่าเรือของจีนเล็งเป้าหมายใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นแหล่งสร้างรายได้ใหม่ หลังจากสงครามการค้าทำให้ยอดผู้ใช้บริการท่าเรือลดลง

บริษัทไชนา เมอร์ชานท์ พอร์ท โฮลดิงส์ ซึ่งควบคุมท่าเรือ 36 แห่งใน 18 ประเทศและภูมิภาคทั่วโลก ไม่มีท่าเรือในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

“เราต้องเข้าไปบริหารจัดการท่าเรือที่อยู่ระดับแนวหน้า เป็นศูนย์กลางการขนส่ง หรือไม่ก็เป็นศูนย์กลางของตลาดโลก”ป๋ จิงเต่า กรรมการบริหารไชนา เมอร์ชานท์ กล่าวและว่า เป็นกลยุทธ์ของบริษัทที่แสวงหาโอกาสทางธุรกิจในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

ทั้งนี้ ความไม่แน่นอนเกี่ยวกับผลลัพธ์ของการเจรจาการค้าและความปั่นป่วนวุ่นวายทางธุรกิจที่มีสาเหตุมาจากการตอบโต้กันด้วยมาตรการภาษีระหว่างสหรัฐและจีน ทำให้บริษัทต่างๆต้องมองหาแหล่งผลิตสินค้าในประเทศอื่นนอกเหนือจากจีน ซึ่งมีบริษัทจำนวนมากเล็งเป้าหมายมาที่ประเทศต่างๆในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ด้วยความหวังว่าจะช่วยลดผลกระทบจากสงครามการค้าได้

“บริษัทหลายแห่งบอกว่ากำลังมองหาแหล่งผลิตใหม่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ แต่เป็นเรื่องยากสำหรับเราที่จะประเมินผลกระทบที่แท้จริงของการทำสงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน ที่ผ่านมา ทีมงานของเราทุ่มเททั้งทรัพยากรบุคคลและกำลังเงินเพื่อประเมินสถานการณ์ที่แท้จริงเพื่อตั้งรับให้เหมาะสม”นายไป๋ กล่าว

บริษัทท่าเรือของจีนแห่งนี้ ยังกล่าวด้วยว่า แนวโน้มการโยกฐานการผลิตของอุตสาหกรรมภาคต่างๆ ประกอบกับเศรษฐกิจตลาดเกิดใหม่กำลังขยายตัวอย่างต่อเนื่องเปิดโอกาสให้มีการพัฒนาด้านต่างๆ ล่าสุดไชนา เมอร์ชานท์ พอร์ท เปิดเผยเมื่อวันศุกร์(30ส.ค.)ว่า กำไรสุทธิของบริษัทในครึ่งแรกของปี 2562 เพิ่มขึ้น 19.8% เป็น 6.53 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง แต่รายได้รอบครึ่งปี ร่วงลง 19.7% ไปอยู่ที่ 4.46 พันล้านดอลลาร์ฮ่องกง

สงครามการค้าระหว่างสหรัฐและจีน แม้เมื่อวันศุกร์ สถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสองประเทศจะเริ่มบรรเทาเบาบางลง เพราะจีนยืนยันที่จะเจรจาการค้ากับสหรัฐรอบใหม่ แต่หอการค้าสหรัฐ ก็เตือนว่ามีความเสี่ยงที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอยเพิ่มขึ้น เนื่องจากความตึงเครียดทางการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ทั้งสองประเทศยกเลิกการเรียกเก็บภาษีครั้งใหม่และเริ่มเจรจาการค้าใหม่อีกครั้ง

นายโทมัส โดโนฮิว ประธานบริหารหอการค้าสหรัฐ เขียนบทความแสดงความคิดเห็นในหนังสือพิมพ์วอชิงตัน โพสต์ ใจความว่า “ในช่วงเวลาแห่งความไม่แน่นอนนี้ เป็นเรื่องสำคัญที่ผู้นำของเราจะต้องดำเนินมาตรการที่เด็ดขาดเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และหลีกเลี่ยงการกระทำที่อาจทำให้เกิดเศรษฐกิจถดถอยได้ในส่วนของคณะทำงานของประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐนั้น ความขัดแย้งการค้ากับจีนที่รุนแรงขึ้นต้องจบลง” พร้อมกล่าวเสริมว่า หอการค้าสหรัฐสำรวจบริษัทใหม่ 138 แห่งในทำเนียบฟอร์จูน500 พบว่าบรรดาผู้บริหารกังวลอย่างมากกับผลกระทบของการเรียกเก็บภาษีที่จะมีต่อเศรษฐกิจ

นายโดโนฮิว เตือนด้วยว่า การเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มขึ้นไม่ได้เพิ่มความเป็นไปได้ที่จะเกิดข้อตกลง แต่กลับเสี่ยงที่จะทำให้เกิดภาวะเศรษฐกิจถดถอยในสหรัฐ พร้อมทั้งเรียกร้องให้ผู้นำทั้งสองประเทศยกเลิกการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเพิ่มเติม ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. และกลับสู่โต๊ะเจรจาด้วยเจตนาดี

การแสดงความเห็นของนายโดโนฮิวมีขึ้นหลังตลาดวอลล์สตรีทได้ส่งสัญญาณเตือนถึงความเป็นไปได้ที่จะเกิดเศรษฐกิจถดถอย หลังความขัดแย้งการค้ายังคงส่งผลกระทบต่อธุรกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโดยรวม