จับหนุ่มวัย23แอบอ้างนามสกุล 'นายกฯ' ตุ๋นออนไลน์ คาดตกเป็นเหยื่อนับ100ราย

จับหนุ่มวัย23แอบอ้างนามสกุล 'นายกฯ' ตุ๋นออนไลน์ คาดตกเป็นเหยื่อนับ100ราย

"ทัดภูมิ" สารภาพตั้งเฟซฯเป็นผู้หญิง แอบอ้างนามสกุล "นายกฯ" หวังตุ๋นออนไลน์ หลังตำรวจปอท.จับกุมคาดมีคนตกเป็นเหยื่อนับ 100 ราย

กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (บก.ปอท.) ชั้น 4 อาคารบี ศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะ - วันนี้ (31 สิงหาคม) พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ ดีพอ รองผู้บังคับการกองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยี พร้อมด้วยนาวาอากาศเอกสมศักดิ์ ขาวสุวรรณ์ รองปลัดกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม และตำรวจบก.ปอท. ร่วมกันแถลงจับกุมนายทัดภูมิ หรือ นัท อายุ 23 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับศาลอาญาที่ 1328/2562 ลงวันที่ 30 สิงหาคม 2562 ซึ่งเป็นผู้ต้องหาปลอมเฟซบุ๊กโดยแอบอ้างนามสกุลนายกรัฐมนตรีหลอกลวงขายนาฬิกา แล้วไม่ส่งสินค้า โดยจับกุมได้ที่บ้านพักในอำเภอเมือง จังหวัดเลย

พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ กล่าวว่า ทางปอท.ได้รับการร้องเรียนจากประชาชนผ่านเว็บไซต์ของบก.ปอท. ว่ามีผู้ใช้บัญชีเฟซบุ๊กชื่อ Surinya JanOcha (สุรินยา จันทร์โอชา) ซึ่งมีเจตนาให้ประชาชนเข้าใจผิดว่ามีความเกี่ยวข้องกับพลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หลอกลวงขายสินค้านาฬิกาข้อมือ โดยมีการเสนอขายนาฬิกาหลายรุ่นในบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว เมื่อผู้เสียหายหลงเชื่อโอนเงินค่านาฬิกาให้ก็จะตัดการติดต่อหรือบล็อกผู้ซื้อ

จากการตรวจสอบพบว่า มีบัญชีผู้ใช้เฟซบุ๊กดังกล่าวหลอกลวงขายสินค้าตามที่มีการร้องเรียนจริง โดยคาดว่าจะมีผู้เสียหายที่หลงเชื่อประมาณ 100 คน ซึ่งมีผู้เสียหายมาพบพนักงานสอบสวนบก.ปอท.แล้ว 7 ราย จากนั้นจึงทำการสืบสวนจนทราบว่านายนัท เป็นเจ้าของบัญชีเฟซบุ๊กดังกล่าว จึงได้รวบรวมพยานหลักฐานและขอศาลออกหมายจับ จากนั้นได้จับกุมตัวนายนัท ได้ที่บ้านพักในอำเภอเมืองจังหวัดเลย พร้อมตรวจยึดคอมพิวเตอร์ สมุดบัญชี 1 เล่ม มีเงินคงค้างในบัญชี 30,000 บาท และนาฬิกาจำนวนหนึ่ง

สอบถามนายทัดภูมิ ให้การรับสารภาพว่าเป็นบุคคลตามหมายจับจริง และให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา เนื่องจากต้องการเงินไปเล่นการพนันฟุตบอลออนไลน์ ส่วนสาเหตุที่ใช้นามสกุลของนายกรัฐมนตรี เพื่อให้เฟซบุ๊กมีความน่าเชื่อถือ มีเจตนาให้คนเข้าใจผิดให้เชื่อว่าเป็นญาตินายกรัฐมนตรี ซึ่งในครั้งแรกได้มีการซื้อขายนาฬิกาจริง หลังจากนั้นได้ใช้ภาพนาฬิกาแต่ไม่มีการส่งของให้ผู้ซื้อ โดยได้แฝงตัวขายนาฬิกาตามกลุ่มซื้อขายนาฬิกาต่างๆ หรือผ่านช่องทางที่มีบุคคลมาแสดงความคิดเห็นในคอมเม้นท์ต่างๆ โดยจะเสนอขายนาฬิกาที่ถูกกว่าท้องตลาด ในราคาประมาณ 2,000-3,000 บาท จากราคาปกติ 3,000-4,000 บาท จากนั้นก็จะติดต่อพูดคุยกันผ่านอินบล็อก เมื่อผู้เสียหายโอนเงินก็จะบล็อกและหลอกลวงผู้เสียหายรายอื่นไปเรื่อยๆ โดยทำมาแล้วประมาณ 4 เดือนได้เงินเป็นจำนวนมาก

พันตำรวจเอกศิริวัฒน์ กล่าวอีกว่า ขอฝากพี่น้องประชาชนที่นิยมติดต่อซื้อขายสินค้าทางออนไลน์ให้ตรวจสอบข้อมูลของผู้ขายให้รอบคอบเสียก่อนยกตัวอย่าง เช่น กรณีนี้หากผู้เสียหายนำชื่อของเจ้าของบัญชีธนาคารไปค้นหาใน Search Engine ก็จะพบข้อร้องเรียนที่ปรากฏตามสื่อออนไลน์อยู่แล้วเป็นจำนวนมาก และการใช้สื่อออนไลน์จะต้องมีสติ ส่วนในปีที่ผ่านมาทางบก.ปอท.ได้ทำการปิดกั้นเว็บไซต์พนันออนไลน์ไปกว่า 1,500 เว็บไซต์

ทั้งนี้เจ้าหน้าที่ได้แจ้งข้อหาตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14(1) โดยทุจริตหรือโดยหลอกลวง นำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนหรือปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วนหรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จโดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชนฯ ซึ่งมีอัตราโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 100, 000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และข้อหาฉ้อโกงประชาชน มีโทษจำคุกไม่เกิน 5 ปี ปรับไม่เกิน 1 แสนบาท จากนั้นนำตัวส่งพนักงานสอบสวนกก.3 บก.ปอท. ดำเนินการตามกฎหมายต่อไป