กบง.ล้มดีล กฟผ.นำเข้า LNG ปริมาณ 1.5 ล้านตัน
กบง.ล้มดีล กฟผ.นำเข้า LNG ปริมาณ 1.5 ล้านตัน สั่งให้นำเข้าแบบราคาตลาดจรแค่ทดลองตลาดและระบบ ไม่เกิน 1.8 แสนตัน “สนธิรัตน์” แจงสถานการณ์ความต้องการและราคาเปลี่ยนแปลงไปจากอดีต เตรียมชง กพช.รับทราบเดือนหน้า
นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เปิดเผยภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการบริหารนโยบายพลังงาน (กบง.) วันนี้ (30 ส.ค.) ว่าที่ประชุมฯได้พิจารณาการนำเข้าก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) โดยให้ กฟผ.ยกเลิกแผนการนำเข้า LNG ที่ปริมาณ 1.5 ล้านตัน โดยเปลี่ยนแปลงให้ กฟผ.นำเข้า LNG แบบราคาตลาดจร (spot) ที่ปริมาณไม่เกิน 2 คาร์โก้ (คาร์โก้ละ 9 หมื่นตัน) หรือปริมาณไม่เกิน 1.8 แสนตัน โดยเป็นการนำเข้าภายใต้การกำกับของคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) เพื่อเป็นการทดลองระบบและการแข่งขัน โดยการเปลี่ยนแปลงการนำเข้า LNG ของ กฟผ.จะนำเข้าสู่การรับทราบของคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) ที่มีพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานภายในเดือน ก.ย.นี้
นายสนธิรัตน์ กล่าวว่าการพิจารณาในเรื่องการนำเข้า LNG ของกฟผ. ในแบบสัญญา spot กบง.ได้มีการหารือร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้ง กฟผ.บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) และคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) โดยจากข้อมูลพบว่าสถานการณ์ทั้งด้านราคาและปริมาณการใช้ LNG ในประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปอย่างมาก โดยในช่วงที่มีการพิจารณาให้ กฟผ.นำเข้า LNG ขณะนั้นอยู่ระหว่างการเตรียมการประมูลสัมปทานก๊าซธรรมชาติทั้งแหล่งบงกช และเอราวัณ ซึ่งมีความกังวลว่าอาจจะมีการขาดแคลนก๊าซธรรมชาติในไทย แต่ในปัจจุบันเมื่อมีการประมูลเสร็จแล้วก็ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องการขาดแคลนก๊าซ รวมทั้งปริมาณการใช้ในประเทศก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้น
ขณะที่ ราคา spot LNG ในตลาดโลกก็ลดลงมาอยู่ที่ 4 – 5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ขณะที่ราคาสัญญา LNG ระยะกลางอยู่ที่ประมาณ 7.5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู การนำเข้าก๊าซ LNG โดยใช้สัญญาspot จะทำให้มีราคาต่ำกว่า และกระทบต่อค่าไฟฟ้าในประเทศน้อยกว่า นอกจากนี้การบริหารจัดการการนำเข้า LNG ตามมติ กบง.จะช่วยให้ไม่เกิดภาระที่ประชาชนอาจต้องรับไฟฟ้าเพิ่ม (Take or Pay)
“สิ่งสำคัญคือการนำเข้า LNG ของ กฟผ. ไม่ควรส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าและต้องไม่ให้เกิดภาระ Take or Pay กบง. ได้พิจารณาจากสถานการณ์ LNG ในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป โดยราคา LNG Spot ปัจจุบันลดลงมาอยู่ที่ระดับ 4 – 5 ดอลลาร์ต่อล้านบีทียู ซึ่งเป็นสัญญาณว่าในช่วง 2 – 3 ปีข้างหน้า แนวโน้ม LNG จะมีราคาลดลง ซึ่งการจัดหา LNG ในประเทศไม่ได้ลดลง ปริมาณความต้องการใช้ LNG ก็ไม่ได้เพิ่มสูงขึ้นตามที่ได้ประมาณการไว้ ดังนั้น ความจำเป็นในการนำเข้า LNG มีแนวโน้มเปลี่ยนไปจากเดิม” นายสนธิรัตน์ กล่าว
