คาดหวังเจรจาการค้ารอบใหม่

คาดหวังเจรจาการค้ารอบใหม่

ตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวขึ้นตอบรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนหลังทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหารือเพื่อจัดการเจรจารอบใหม่ในเดือนก.ย.

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index วานนี้พุ่งขึ้นแรง +22.21 จุด (+1.37%) ปิดที่ระดับ 1,639 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท โดยส่วนใหญ่เป็นแรงซื้อในกลุ่มพลังงานและปิโตรเคมีตามราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นหลังสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงเกินคาด ประกอบกับความคาดหวังมาตราการกระตุ้นรอบใหม่ของครม.เศรษฐกิจในวันพรุ่งนี้ช่วยหนุนให้ดัชนีปรับตัวขึ้น ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติขายสุทธิ 1,416 ล้านบาท แต่ซื้อสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,704 ล้านบาท และ Net Long TFEX จำนวน 5,654 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,645 - 1,650 จุด ตาม Sentiment เชิงบวกตลาดหุ้นรอบบ้านที่ปรับตัวขึ้นตอบรับความคืบหน้าการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนหลังทั้ง 2 ฝ่ายกำลังหารือเพื่อจัดการเจรจารอบใหม่ในเดือนก.ย. อีกทั้งราคาน้ำมันดิบที่ดีดตัวขึ้นจากสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐที่ลดลงเกินคาดยังคงเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงาน อย่างไรก็ตามภาวะ Inverted Yield Curve ของ US Bond yield อายุ 10 และ 2 ปีซึ่งเป็นสัญญาณเตือนภาวะเศรษฐกิจถดถอย รวมถึง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออกต่อเนื่องโดย Net sell 5.4 หมื่นลบ. MTD จะเป็นแรงกดดันให้ดัชนีสลับอ่อนตัว ดังนั้น จึงแนะนำ ซื้อเก็งกำไร

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA ) ค่าระวางขึ้นทำ High ในรอบ 6 ปีล่าสุด 2,277 จุด
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง รวมถึง sentiment บวกจากธปท.ยังไม่นำมาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้สูงสุด (DSR limit) มาใช้ในปีนี้
  • หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : KKP (ปิด 71.75 ซื้อ/เป้า 77 บาท) ได้ Sentiment บวกจากข่าวแบงก์ชาติยังไม่บังคับใช้เกณฑ์ DSR limit ในปีนี้ เป็นบวกต่อกลุ่มธนาคารโดยเฉพาะธนาคารขนาดเล็ก ด้านผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว ธุรกิจหลักทรัพย์ (ภัทร) ที่เคยถ่วงในครึ่งปีแรกจะกลับมาหนุนกำไรจากงาน IB ที่เพิ่มขึ้น, MTC (ปิด 54.25 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 64 บาท) ได้ Sentiment บวกจากข่าวแบงก์ชาติยังไม่บังคับใช้เกณฑ์ DSR limit ในปีนี้เช่นกัน ประกอบกับเรามองว่าราคาหุ้นลดลงสะท้อนปัญหา NPL ที่เกิดขึ้นจากภัยแล้งไปแล้ว ขณะที่สถานการณ์ภัยแล้งในปัจจุบันเริ่มคลี่คลายน่าจะหนุนให้ปัญหา NPL ทยอยลดลง

KSS report วันนี้: RS (ปิด 17 ถือ/เป้าใหม่ 16.5 จาก 17.5  )

ประเด็นสำคัญวันนี้:              

  • (+) Trade war ยังพอมีหวัง ล่าสุดกระทรวงพาณิชย์จีนระบุจีนกับสหรัฐพร้อมนัดเจรจาเพื่อแก้ปัญหาสงครามการค้าในเดือน ก.ย.: ดัชนีดาวโจนส์เพิ่มขึ้นแรงกว่า 326 จุด (+1.25%) ปิดที่ระดับ 26,362 จุด ตอบรับข่าวที่กระทรวงพาณิชย์ของจีนออกมาระบุว่าจีนและสหรัฐกำลังหารือกันเกี่ยวกับการจัดการเจรจาการค้าครั้งใหม่ในเดือน ก.ย. เบื้องต้นยังไม่ได้กำหนดวันประชุมที่ชัดเจน แต่ตลาดส่วนใหญ่คาดว่าจะเกิดขึ้นในช่วงวันพฤหัสบดีหน้า โดยจีนส่งสัญญาณว่าจีนจะไม่ทำให้สงครามการค้ารุนแรงขึ้นอีก และจะไม่ตอบโต้ที่สหรัฐปรับขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนในรอบล่าสุด จึงทำให้ตลาดคาดว่าทั้ง 2 ประเทศอาจจะเลื่อนการขึ้นภาษีที่จะมีขึ้นในวันที่ 1 ก.ย.19 นี้ออกไปก่อนเพื่อเปิดทางให้มีการเจรจา หรืออาจจะปล่อยให้ขึ้นภาษีไปก่อน และทำการเจรจาคู่ขนานกันไปเพื่อร่วมหาทางออก
  • (+) กลุ่มธุรกิจน้ำมัน - วันนี้ยังได้ Sentiment บวกต่อ หลังจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3: วานนี้หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันปรับขึ้นอย่างร้อนแรงโดยเฉพาะกลุ่มโรงกลั่นปรับขึ้นเฉลี่ย 8-10% ตอบรับค่าการกลั่นเริ่มฟื้นตัวและคาดหวังมาตรการใหม่ของ IMO ซึ่งจะเริ่มบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2020 มีผลให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพื่อทดแทนน้ำมันเตาเพิ่มขึ้นเป็นบวกต่อค่าการกลั่น ส่วนกลุ่มปิโตรฯ และ ธุรกิจผลิตและสำรวจน้ำมัน (IVL, PTTGC, PTTEP และ PTT) ก็ปรับตัวขึ้นโดดเด่นเช่นกัน โดยวันนี้หุ้นในกลุ่มธุรกิจน้ำมันยังมีโมเมนตัมในทางบวกหลังจากราคาน้ำมันดิบปรับขึ้นต่อเนื่องเป็นวันที่ 3 (WTI เพิ่มขึ้น 93 เซนต์ +1.7% ปิดที่ 56.71 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล) อย่างไรก็ตามเรามองว่า Upside ในการปรับขึ้นในวันนี้ค่อนข้างจำกัด เนื่องจากราคาหุ้นในกลุ่มนี้ได้ปรับตัวขึ้นอย่างร้อนแรงไปแล้วในเมื่อวานที่ผ่านมา
  • (+) กลุ่มธนาคาร – มีข่าวดีแบงก์ชาติประกาศจะยังไม่บังคับใช้มาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR limit) ในปีนี้: เดิมมีกระแสข่าวว่า ธปท.จะออกมาตรการคุมภาระหนี้ต่อรายได้ (DSR limit) ให้เข้มงวดมากขึ้นเพื่อลดปัญหาหนี้ครัวเรือนของประเทศที่เพิ่มสูง ซึ่งหาก ธปท.มีการดำเนินการจริงจะทำให้ประชาชนมีความสามารถในการก่อหนี้ลดลง กระทบต่อยอดปล่อยสินเชื่อของกลุ่มธนาคาร โดยเฉพาะในกลุ่มของแบงก์ขนาดกลาง เล็ก กลุ่มสินเชื่อบัตรเครดิต และธุรกิจไฟแนนซ์ ดังนั้นการออกมาประกาศข่าวดังกล่าวของแบงก์ชาติจึงเป็นการปลดภาวะ Over hang ให้กับกลุ่มการเงินโดยตรงถือเป็น Sentiment บวกต่อหุ้นในกลุ่มธนาคาร (SCB, KKP, TCAP), บัตรเครติด (KTC, AEONTS), และ ไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI)
  • (-) กลุ่มรับนิคมฯและ รับเหมา - มี Sentiment ลบหลังจากการประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันนี้จะถูกเลื่อนออกไปก่อน และยังไม่มีกำหนดประชุมใหม่ที่ชัดเจน: เดิมตลาดเข้าเก็งกำไรหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนัดที่ 2 ซึ่ง ครม.เศรษฐกิจกำหนดประชุมกันในวันนี้ อย่างไรก็ตามล่าสุดมีรายงานว่าการประชุม ครม.เศรษฐกิจในวันนี้จะถูกเลื่อนออกไปก่อนและยังไม่มีกำหนดประชุมใหม่ที่ชัดเจน ประเด็นนี้จะเป็นปัจจัยลบกดดันต่อ Sentiment การลงทุนในหุ้นกลุ่มนิคมฯโดยตรงเนื่องจากเป็นกลุ่มที่ตลาดคาดหวังมากที่สุดว่าจะได้ประโยชน์จากการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจนัดที่ 2