จีนพูดชัดอยากเจรจาการค้ากับสหรัฐ

จีนพูดชัดอยากเจรจาการค้ากับสหรัฐ

พร้อมย้ำว่าจะไม่ตอบโต้สหรัฐด้วยการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐรอบใหม่

ก.พาณิชย์จีนเผยกำลังหารือเรื่องจัดเจรจาการค้ากับสหรัฐในเดือนก.ย. นี้ พร้อมให้ความเห็นว่า สถานการณ์ตึงเครียดที่เกิดขึ้นไม่ส่งผลดีต่อทั้งสหรัฐและจีน รวมทั้งทุกประเทศทั่วโลก  จีนจึงอยากเจรจาเพื่อแก้ข้อพิพาทการค้าระหว่างกัน 

นายเกา เฟิง โฆษกกระทรวงพาณิชย์จีน เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวในระหว่างการแถลงข่าวรายสัปดาห์ว่า ทั้งสองฝ่ายควรสร้างภาวะเพื่อให้เกิดความคืบหน้าในการเจรจา โดยระบุเสริมว่า จีนจะสกัดกั้นไม่ให้สงครามการค้ากับสหรัฐทวีความรุนแรงขึ้น และยินดีที่จะแก้ไขปัญหาอย่างสงบ

ขณะที่นายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวบลูมเบิร์กว่า สหรัฐไม่มีความตั้งใจที่จะเข้าไปแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา เพื่อฉุดสกุลเงินดอลลาร์ให้อ่อนค่าลงในขณะนี้

"สถานการณ์ต่างๆอาจเปลี่ยนแปลงไปในอนาคต แต่ในขณะนี้ เราไม่มีความตั้งใจที่จะแทรกแซงตลาด" นายมนูชินกล่าว

นายมนูชินยังกล่าวด้วยว่า คงเป็นแนวทางที่ดีกว่าหากกระทรวงการคลังสหรัฐจะเข้าแทรกแซงตลาดไปพร้อมกับธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) และประเทศต่างๆทั่วโลก

"โดยทั่วไปแล้ว การแทรกแซงตลาดควรจะดำเนินการบนพื้นฐานของความร่วมมือ เมื่อพิจารณาจากปริมาณและขนาดของตลาดปริวรรตเงินตราเหล่านี้" นายมนูชินกล่าว

สำนักข่าวซินหัวรายงานว่า ที่ผ่านมานั้น ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ มักวิพากษ์วิจารณ์เกี่ยวกับการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ และพยายามกดดันให้เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย

แต่นักวิเคราะห์จากบริษัท แปซิฟิก อินเวสต์เมนท์ เมเนจเมนท์ คัมพานี (พิมโค) ซึ่งเป็นผู้บริหารการลงทุนรายใหญ่ระดับโลก เชื่อว่า รัฐบาลสหรัฐยังไม่ได้อธิบายเหตุผลของความพยายามที่จะทำให้สกุลเงินดอลลาร์อ่อนค่าลง

"ตลาดกำลังปรับตัวในทิศทางที่ดี และเราประเมินว่า ดอลลาร์ยังคงมีมูลค่าสูงเกินไปอยู่ประมาณ 10% เมื่อพิจารณาจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคทั้งในแง่ของโครงสร้างและปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ล้วนแล้วแต่สอดคล้องกับในช่วงเวลาที่ผ่านมา เมื่อเศรษฐกิจสหรัฐมีความแข็งแกร่งมากกว่าประเทศอื่นๆ" จีเน่ ฟรีดา และทิฟฟานี วิลดิง นักวิเคราะห์จากพิมโคได้เขียนในบทความเมื่อเดือนที่แล้ว

นอกจากนี้ นักวิเคราะห์ทั้งสองรายยังเชื่อว่า สหรัฐไม่น่าจะได้รับการสนับสนุนจากประชาคมโลกในการแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตราเพื่อฉุดดอลลาร์ให้อ่อนค่าลง เนื่องจากรัฐบาลของประเทศอื่นๆในกลุ่มพัฒนาแล้วและหน่วยงานระหว่างประเทศ ไม่สนับสนุนให้บรรดาประเทศชั้นนำเข้าแทรกแซงตลาดปริวรรตเงินตรา