‘ดีอี’เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด หนุนทำงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

‘ดีอี’เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด หนุนทำงานศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม

เฝ้าระวัง กลั่นกรอง และแก้ข่าวปลอมที่อยู่ในกระแสสังคมออนไลน์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภัยพิบัติ, เศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร-หุ้น , ผลิตภัณฑ์สุขภาพ-สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และกลุ่มนโยบายรัฐบาล-ข่าวสารที่ กระทบสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคง

‘ดีอี’ เคาะตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด หนุนการทางานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) เฝ้าระวัง กลั่นกรอง และแก้ข่าวปลอมที่อยู่ในกระแสสังคมออนไลน์ 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ ภัยพิบัติ, เศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร-หุ้น , ผลิตภัณฑ์สุขภาพ-สินค้าและบริการที่ผิดกฎหมายอื่น และกลุ่มนโยบายรัฐบาล-ข่าวสารที่ กระทบสังคม ขัดศีลธรรมอันดี และความมั่นคงในประเทศ

นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวว่า วันนี้ (29 สิงหาคม) ได้มีการประชุมความคืบหน้าการจัดตั้ง “คณะกรรมการประสานงานและแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่กระทบต่อ ความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินประชาชน” เพื่อสนับสนุนการทางานของศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) ซึ่งตั้งเป้าว่าจะดาเนินการได้อย่างเป็นรูปธรรมภายในเดือนตุลาคมนี้

โดยที่ประชุมได้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการ 4 ชุด เพื่อจัดกลุ่มดาเนินงานให้ครบถ้วน และครอบคลุมประเด็นปัญหา ข่าวปลอม ตลอดจนความมีประสิทธิภาพในการประสานงานเพื่อแก้ไขปัญหาข่าวปลอมที่อยู่ในกระแสสังคมออนไลน์ ซึ่ง จะแบ่งออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ประกอบด้วย 1.กลุ่มภัยพิบัติ เช่น น้าท่วม แผ่นดินไหว เขื่อนแตก สึนามิ ไฟไหม้ 2.กลุ่ม เศรษฐกิจ การเงินการธนาคาร/หุ้น 3.กลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ วัตถุอันตราย เครื่องสาอาง รวมถึงสินค้าและบริการที่ผิด กฎหมายอื่น และ 4.กลุ่มนโยบายรัฐบาล/ข่าวสารทางราชการ/ความสงบเรียบร้อยของสังคม/ขัดศีลธรรมอันดี และความ มั่นคงภายในประเทศ

นอกจากนี้ ในที่ประชุมยังหารือกันเกี่ยวกับหลักเกณฑ์การวิเคราะห์ข้อมูลข่าวปลอม เพื่อให้สอดคล้องกับ มาตรฐานสากลที่แพลตฟอร์มระดับโลก เช่น เฟซบุ๊ก ยูทูบ ใช้อยู่ โดยในส่วนของเฟซบุ๊ก กาหนดนโยบายที่เรียกว่า มาตรฐานชุมชน (Community Standards) เป็นกฎเกณฑ์กากับดูแลการใช้งาน ขณะที่ บริษัท กูเกิล ซึ่งเป็นเจ้าของยูทูบ แพลตฟอร์มวิดีโออันดับ 1 ของโลก มีการกาหนดหลักเกณฑ์ชุมชน (Community Guidelines) ดังนั้น ถ้าหลักเกณฑ์ของประเทศไทยจัดทาได้สอดคล้องกับสากล การยืนยันข่าวปลอมของศูนย์ Anti-Fake News ก็จะได้รับการยอมรับจากแพลตฟอร์มโซเชียลเหล่านั้นด้วย และเป็นอีกช่องทางในการแจ้งข้อมูลที่ถูกต้อง และ ระงับการเผยแพร่ข่าวปลอมได้อย่างรวดเร็วในวงกว้าง

รมว.ดีอี กล่าวอีกว่า ในที่ประชุมยังพิจารณาความคืบหน้าเกี่ยวกับการพัฒนาเว็บไซต์สาหรับบูรณาการความ ร่วมมือภาครัฐ เอกชน และประชาชน ต่อการป้องปรามข่าวปลอมทางโลกดิจิทัล เพื่อสร้างประโยชน์ต่อเศรษฐกิจและ สังคมโดยรวม “รัฐบาลให้ความสาคัญในการแก้ไขปัญหาการรับรู้ข้อมูลข่าวสารผ่านทางสื่อสังคมออนไลน์ ข่าวอันเป็นเท็จที่เป็น กระแสสังคมทางสื่อสังคมออนไลน์ที่ ซึ่งในปัจจุบันพบว่ามีความคลาดเคลื่อนไปจากความเป็นจริงในหลายกรณี ทั้งด้วย ความตั้งใจของผู้ส่งข่าวสารที่หวังผลให้เกิดความแตกแยกในสังคมหรือเพื่อผลประโยชน์ส่วนตน หรืออาจด้วยความ รู้เท่าไม่ถึงการณ์ ขาดวิจารณญาณในการตรวจสอบกลั่นกรองก่อนส่งต่อข้อมูลข่าวสารให้ผู้อื่น” นายพุทธิพงษ์ กล่าว

ทั้งนี้ บทบาทศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม (Anti-Fake News Center) จะทาหน้าที่ตรวจสอบ วิเคราะห์ และรับแจ้ง ข้อมูลข่าวสารที่นาเสนอไม่ตรงกับข้อเท็จจริงที่เผยแพร่อยู่ในสังคม ผ่านช่องทางหลักๆ ของศูนย์ฯ ได้แก่ เว็บไซต์, เพจเฟ ซบุ๊ก และไลน์ออฟฟิเชียล (Line Official) เพื่อให้ผู้ที่รับผิดชอบในคณะอนุกรรมการฯ เข้ามาคัดกรองข่าวปลอมทาง ออนไลน์ที่มีเนื้อหาเข้าข่ายใน 4 กลุ่มหลักข้างต้น เพื่อประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง/หน่วยงานที่ได้รับความเสียหาย และทาการแจ้งเตือน/นาเสนอข้อมูลที่ถูกต้อง รวมถึงการแจ้งเตือนภัยพิบัติให้หน่วยงานและประชาชนได้รับทราบโดยตรง อย่างทันท่วงทีผ่านทุกช่องทางที่มีอยู่ รวมถึงผ่านกลไกภาคสื่อสารมวลชน เครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน และภาค ประชาชน