ผันผวน

ผันผวน

ดัชนีวานนี้ปรับตัวลงแรง สวนทางกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยมีปัจจัยลบเฉพาะตัวภายในประเทศ

จากปัจจัยการเมืองประเด็นนายกฯกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบถ้วนตาม รธน. ประกอบกับ MSCI ได้ปรับลดน้ำหนักหุ้นไทยลง นอกจากนนี้ หุ้นที่กดดันตลาด ได้แก่ CPALL ADVANC KBANK และ PTT ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,615.47 จุด (-7.26 จุด) Volume 7 หมื่นลบ. ต่างชาติขาย 1.7 พันลบ. TFEX Net -1,871 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -613 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.29 ดอลลาร์ +2.4% ปิด 54.93 ดอลลาร์/บาร์เรล จากคาดการณ์ว่าสต็อกน้ำมันดิบของสหรัฐจะลดลงติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 2 และสมาชิกกลุ่มโอเปกให้ความร่วมมือมากขึ้นในการปฏิบัติตามข้อตกลงการปรับลดกำลังการผลิตน้ำมัน

+นักท่องเที่ยวจีนเตรียมแห่ท่องเที่ยวต้นเดือนต.ค.ฉลองก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีนครบ 70 ปี

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1.1 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.785 บาท/US

-ดัชนีดาวโจนส์ปิดลดลง 120.93 จุด -0.47% หลังจากตลาดพันธบัตรสหรัฐเกิดภาวะ inverted yield curve ซึ่งบ่งชี้ถึงแนวโน้มศก.ถดถอยและความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการเจรจาการค้าระหว่างสหรัฐและจีนหลังจากถ้อยแถลงของโฆษกกระทรวงการต่างประเทศจีนสวนทางกับที่ปธน.ทรัมป์ได้ให้ความหวังไว้ก่อนหน้านี้

-จีนปัดข่าวครั้งที่ 2 หลังปธน.ทรัมป์อ้างว่าจีนโทรติดต่อสหรัฐวอนกลับสู่โต๊ะเจรจา

-/+ Conference Board ของสหรัฐเผยความเชื่อมั่นผู้บริโภคสหรัฐในเดือนส.ค.ลดลงสู่ระดับ 135.1 แต่สูงกว่าตัวเลขคาดการณ์ที่ระดับ 129.5

-สศอ.ได้ปรับคาดการณ์ GDP ภาคอุตสาหกรรม และ MPI เหลือ 0.0-1.0% หรือค่ากลาง 0.5% จากเดิม 1.5-2.5% จากศก.โลกยังไม่ฟื้นผลกระทบสงครามการค้าโลกและ

-ผู้ตรวจการแผ่นดินให้ส่งศาลรนธ.วินิจฉัยกรณีนายกฯกล่าวถวายสัตย์ไม่ครบถ้วน

*จับตา EIA เผยสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ของสหรัฐ และการเมืองในประเทศ

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวผันผวน โดยความไม่แน่นอนในการเจรจาทางการค้าระหว่างสหรัฐ-จีนยังเป็นตัวแปรสำคัญ ประกอบกับภาวะ Inverted yield curve ของพันธบัตรสหรัฐยังเป็นตัวกดดันต่อเนื่อง ส่วนปัจจัยในประเทศยังคงถูกกดดันจากปัจจัยการเมือง โดยยังต้องจับตาศาล รธน. นัดวินิจฉัยประเด็นแคนดิเดทนายกฯในวันที่ 18 ก.ย.นี้ อย่างไรก็ตามเราคาดว่าหุ้นกลุ่มพลังงานจะช่วยพยุงตลาดได้ หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวขึ้น +2.4%  คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,605-1,625 จุด

 

หุ้นรายงานพิเศษ

PRM 3Q19 เติบโตจาก FSU แต่ 4Q19 อ่อนตัวจากเรือเข้าอู่

Consensus 9.14 ซื้อเก็งกำไรเมื่ออ่อนตัว  แนวรับ 8.00-8.20 / แนวต้าน 9.00-9.50

  • คาดกำไร 3Q19 ยังได้โมเมนตัมเชิงบวกจากการเพิ่มเรือ Floating storage unit(FSU) อีก 3 ลำรวมเป็น 11 ลำ โดยความต้องการใช้เรือ FSU ยังสูงจากการสต๊อกน้ำมัน Low Sulphur fuel oil (LSFO) ทดแทน High Sulphur fuel oil (HSFO)
  • อย่างไรก็ตามกำไร 4Q19 อาจอ่อนตัวเนื่องจากบริษัท BIG Sea (บริษัทย่อย) นำเรือเข้าอู่ซ่อมบำรุง 4 ลำ
  • ประเด็นบวก ดัชนีค่าระวางเรือ Tank ทรงตัวในระดับสูงเหนือ 40,000 จุดจากปี 2018 ที่ 18,000 จุด หนุนรายได้และกำไร 2H19

 

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC) หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ERW CENTEL AOT BJC CPALL TNP) หุ้น Domestic Play (ADVANC AMATA EKH SISB HMPRO)

หุ้นมีข่าว   

PR9 Analyst Meeting ราคาปิด 10.2 บาท Bloomberg Consensus 12.87 บาท มุมมองบวกอ่อนๆ”

·      (+) คาดแนวโน้ม 3Q62 เติบโต YoY และ QoQ จากการเข้าสู่ High Season และเติบโตจากฐานต่ำจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน 28 ลบ. อย่างไรก็ดี ภาพรวม 2H62 แม้ดูเหมือนจะเติบโตต่อเนื่องตามปัจจัยฤดูกาล แต่คาดว่าผลประกอบการจะถูกกดดันจากค่าใช้จ่ายในการเปิดตึกใหม่ อาทิ ค่าเสื่อมราคา และค่าใช้จ่ายในการจ้างบุคลากร โดย Bloomberg Consensus  คาดกำไรปี 62 ราว 307.8 ลบ. +95%YoY (โตจากฐานต่ำ เนื่องจากปีก่อนมีค่าใช้จ่ายในการนำหุ้นเข้าตลาด)

ALL Analyst Meeting (ราคาปิด 4.16 แนะนำซื้อเก็งกำไร มุมมองบวกจากแนวโน้มผลการดำเนินงานเติบโตดี)

·      ผลการดำเนินงานเติบโตดีสวนทางหุ้นกลุ่มที่อยู่อาศัยที่ลดลงจากผลกระทบของมาตรการ LTV ในช่วง 1H62 มีกำไรสุทธิ 213 ล้านบาท +29%YoY โดยใน 2Q62 มี %GP 41% แนวโน้มผลการดำเนินงานในช่วงครึ่งปีหลังยังเติบโตต่อเนื่องและคาดจะสูงสุดรายไตรมาสใน Q4 ตามแผนส่งมอบ 2 โครงการ (Impression ภูเก็ต มูลค่า 2,000 ล้านบาท และ The Excel Hideaway สุขุมวิท 71 มูลค่า 1,600 ล้านบาท) และได้รับอานิสงส์จากการเมืองฮ่องกงทำให้คอนโดฯของบริษัทขายดีมาก (The Excel ลาดพร้าว-สุทธิสาร เปิดขายต้นส.ค. มียอดขายแล้วกว่า 850 ลบ. คิดเป็น 70% ของมูลค่าโครงการ 1,200 ล้านบาท

·      ปี 63 จะมีรายได้ประจำเพิ่มเข้ามาจากการแตกไลน์สู่ธุรกิจให้เช่าพื้นที่ร้านค้าปลีกในการเปิดบริการศูนย์การค้า “The New Forum” ที่จ.ชลบุรีประตูสู่ EECในเดือนเม.ย. พื้นที่เช่าราว 12,000 ตรม. อายุสัญญาเช่า 29 ปี มูลค่ารวมประมาณ 600 ล้านบาท ปัจจุบันอยู่ระหว่างปรับปรุงพื้นที่ บริษัทคาดจะมีรายได้ค่าเช่าเดือนละกว่า 10 ล้านบาท

·      ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อความสามารถในการทำกำไรที่มีอัตรากำไรขั้นต้นระดับ 40%  และมีอัตรากำไรสุทธิ 12.6% ขณะที่ราคาลดลง 16% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นซื้อขายที่ PE 6 เท่าต่ำกว่า PE กลุ่มที่อยู่อาศัยที่ระดับ 15 เท่า

CHO Analyst Meeting (แนะนำ Wait & See ช่วงเวลาแห่งการปรับโครงสร้างฐานะการเงินให้แข็งแกร่ง)

·      1H62 มีกำไรสุทธิ 38 ล้านบาท +3.6%YoY เฉพาะ 2Q62 มีผลขาดทุน 2.1 ล้านบาทจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงานจำนวน 6.4 ล้านบาท การรับรู้ผลขาดทุนจากกิจการร่วมค้า SCH – CHO จำนวน 6 ล้านบาท และรับรู้ขาดทุนจากบจ.อมรรัตนโกสินทร์ที่อยู่ในช่วยก่อตั้งเริ่มดำเนินการ 1.8 ล้านบาท  หากคิดเฉพาะผลการดำเนินงานปกติมีกำไร 13 ล้านบาท อัตราส่วนทางการเงินปรับดีขึ้นในระดับหนึ่ง โดยมีอัตราส่วนหนี้สินส่วนของผู้ถือหุ้น ณ ปลายมิ.ย. ลดเหลือ 2.3 เท่าจากระดับ 3.1 เท่า ณ ปลายปี 61 ณ 15 ส.ค.62 มี backlog 1.8 พันล้านบาทโดยมีจำนวน 380 ล้านบาทหรือคิดเป็น 21% จะรับรู้ภายในครึ่งปีหลังของปี 62 ส่วนงานซ่อมบำรุงรถโดยสาร NGV 489 คันระยะเวลา 10 ปีเป็นตัวเสริมรายได้ประจำ

·      ความเห็น การส่งมอบรถเมล์ NGV 489 คันส่งผลกระทบต่อฐานะการเงินและปริมาณเงินทุนหมุนเวียนภายในบริษัท โดยบริษัทยังอยู่ในช่วงของการปรับปรุงฐานะการเงินให้แข็งแกร่งขึ้นกว่านี้ ขณะที่ธุรกิจอื่นในกลุ่มผลิตภัณฑ์ออกแบบพิเศษ อาทิ รถพ่วง รถลำเลียงอาหารสำหรับเครื่องบิน รถไฟ รถดับเพลิง รถกู้ภัย รถหุ้มเกราะ เรือรบหลวง ศูนย์ซ่อมรถบรรทุกสิบล้อเป็นธุรกิจที่มีศักยภาพดี จึงแนะนำ Wait & See

·      BEM (Bloomberg Consensus 11.80 บาท) รอเก้อ! ศักดิ์สยาม”ยังไม่ตัดสินใจเลือก 1 ใน 3 ทางเลือกยุติข้อพิพาททางด่วน หลังคณะทำงานฯเสนอ 3 ทางเลือกแก้ปัญหา ทางเลือกแรกต่อสัมปทาน 30 ปีตามที่กทพ.เจรจากับ BEM ขณะที่ทางเลือกที่ 2 ต่อสัมปทาน 15 ปี โดยไม่ทำ double deck ส่วนทางเลือกที่ 3 ไม่ต่อสัญญาแต่สู้คดีถึงที่สุด (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      BGRIM (Bloomberg Consensus 37.94 บาท)  สนใจลงทุนธุรกิจแอลเอ็นจี หลังมีผู้ประกอบการหลายแห่งจีบร่วมลงทุน ลุยตั้งทีมศึกษา-รอรัฐเปิดทางนำเข้าเสรี ส่วนธุรกิจไฟฟ้าทุ่มงบลงทุนปีนี้กว่า 1 หมื่นล้านบาท ขยายธุรกิจในไทย-ต่างประเทศ มั่นใจกำลังการผลิตพุ่ง 5,000 เมกะวัตต์ตามเป้าปี 65 (ที่มา ข่าวหุ้น)

  • PTG (Bloomberg Consensus 31 บาท) เดินหน้าดัน 3 บริษัทย่อยเข้าจดทะเบียนตลาดหลักทรัพย์ฯ ในปี 64-65 เพื่อระดมทุนรองรับการเติบโตในอนาคต ทุ่มงบลงทุน 4,000-4,500 ล้านบาท ลุยขยายปั๊มเป็นหลัก ตั้งเป้าครบ 2,000 แห่งภายในปีนี้(ที่มา ข่าวหุ้น)
  • SONIC (Bloomberg Consensus - บาท) แย้มอยู่ระหว่างศึกษาซื้อกิจการโลจิสติกส์ต่างประเทศ คาดใช้เงินลงทุน 200-300 ล้านบาท แนะจับตาผลงานไตรมาส 3/62 สดใส ฟากผู้บริการระบุไม่หวั่นสงครามการค้าสหรัฐ จีน ชี้ไม่กระทบวอลุ่มพร้อมลุยบริการขนส่งมาร์จิ้นสูงดันกำไรโต ปูพรมขยายฐานลูกค้าเต็มสูบ(ที่มา ทันหุ้น)
  • BIZ (Bloomberg Consensus - บาท) ส่งสัญญาณทิศทางครึ่งปีหลังโตต่อเนื่อง ทยอยรับรู้งานในมือกว่า 1.62 พันล้านบาท มั่นใจรายได้ปีนี้โตเกิน 10% จากปีก่อน พร้อมเดินหน้าประมูลงานใหม่ และเตรียมเปิดให้บริการโรงพยาบาลเฉพาะทางรักษาโรคมะเร็ง แคนเซอร์อลิอันซ์ ศรีราชา จังหวัดชลบุรี มูลค่า 500 ล้านบาท คาดเปิดให้บริการภายในปีนี้ (ที่มา ทันหุ้น)
  • NWR (Bloomberg Consensus 90 บาท) คว้างานใหม่ล่าสุดกว่า 1 หมื่นล้านบาท พร้อมเดินหน้าเข้าประมูลงานเพิ่มในครึ่งปีหลัง อีกกว่า 4.3 หมื่นล้านบาท หวังได้งาน 15% มั่นใจทิศทางไตรมาส 3/2562 ส่งสัญญาณที่ดีขึ้น และเติบโตดีสุดไตรมาส 4/2562 เล็งรับรู้รายได้งานในมือปัจจุบันอยู่ที่ 1.3 หมื่นล้านบาท หวังหนุนรายได้แตะ 1 หมื่นล้านบาท (ที่มา ทันหุ้น)
  • GGC (Bloomberg Consensus 90 บาท) รมว.พลังงาน เผยราคาน้ำมันปาล์มขยับขึ้นต่อเนื่อง จากมาตรการส่งเสริม B10 และ B20 ด้าน GGC ยินดีประกันราคาปาล์ม 4 บาท ช่วยเหลือเกษตรกร แต่ยังไม่ได้ผลดีต่อบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ ชี้ B10-B20 ทำดีมานด์เพิ่ม เดินหน้าขยายธุรกิจ พร้อมสรุปพันธมิตรร่วมทุน นครสวรรค์ไบโอคอมเพล็กซ์เฟส 2 เร็วๆ นี้ (ที่มา ทันหุ้น)