“แอตต้า”คาดโกลเด้นวีค ดันตลาดจีนเที่ยวไทยกระเตื้อง

“แอตต้า”คาดโกลเด้นวีค ดันตลาดจีนเที่ยวไทยกระเตื้อง

“แอตต้า” คาดแนวโน้มนักท่องเที่ยวจีนช่วงโกลเด้นวีควันชาติจีน 1 ต.ค.นี้ พาเหรดเที่ยวไทย 2.5-2.7 แสนคน ฟื้นตัวดีขึ้นเพียง 10% เหตุ 3 ตัวแปรด้านเศรษฐกิจฉุดการเดินทาง ด้านสถิติต่างชาติเที่ยวไทย 7 เดือนแรกของปีนี้อยู่ที่กว่า 23 ล้านคน โตไม่ถึง 2% 

นายวิชิต ประกอบโกศล นายกสมาคมไทยธุรกิจการท่องเที่ยว (แอตต้า) กล่าวว่า แนวโน้มช่วงโกลเด้นวีคหยุดยาววันชาติจีน 1 ต.ค.ปีนี้ (ระหว่างวันที่ 28 ก.ย.-5 ต.ค.) คาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวจีนมาไทยราว 2.5-2.7 แสนคน เพิ่มขึ้น 10% ดีกว่าช่วงเดียวกันของปีที่แล้วซึ่งได้รับผลกระทบจากเหตุเรือนักท่องเที่ยวจีนล่ม แม้จะเป็นอัตราการเติบโตที่ดี แต่ดีไม่มากนัก เพราะได้รับผลกระทบจาก 3 ตัวแปรหลัก ได้แก่ เศรษฐกิจโลกชะลอตัว สงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐที่ยืดเยื้อ และค่าเงินที่หยวนอ่อนค่าซ้ำเติมบาทแข็ง ส่วนปีอื่นๆ ที่สถานการณ์ท่องเที่ยวปกติ มียอดชาวจีนเที่ยวไทยช่วงโกลเด้นวีควันชาติจีนประมาณ 2-2.2 แสนคน

“ปัจจุบันตลาดกรุ๊ปทัวร์จีนเริ่มมียอดจองแพ็คเกจทัวร์เข้ามาแล้ว คาดว่าน่าจะเห็นยอดจองทัวร์ล่วงหน้ามาไทยกว่า 90% ราวกลางเดือน ก.ย.นี้ ส่วนสาเหตุที่ยอดจองเข้ามาช้า เพราะพฤติกรรมการจองของนักท่องเที่ยวจีนเปลี่ยนไป บางส่วนเลือกรอโปรโมชั่นทัวร์ไฟไหม้มากขึ้น ซึ่งมีราคาแพ็คเกจทัวร์ถูกกว่าปกติ”

นอกจากนี้ หลังจากที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติให้ต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่า ณ ด่านตรวจคนเข้าเมือง (Visa on Arrival : VoA) ไปอีก 6 เดือน จากเดิมจะสิ้นสุดวันที่ 31 ต.ค.2562 ซึ่งครอบคลุมโกลเด้นวีควันชาติจีน ไปจนถึงวันที่ 30 เม.ย.2563 แอตต้ามองว่าจะช่วยทำให้สิ้นปี 2562 มีจำนวนนักท่องเที่ยวจีนมาไทยไม่ติดลบ หรืออยู่ที่ 11 ล้านคน แม้จะมากกว่าปีที่แล้วซึ่งมี 10.5 ล้านคน แต่ไม่น่าจะถึงคาดการณ์เดิมที่เคยคาดว่าจะได้ 11.5-12 ล้านคน จาก 3 ตัวแปรด้านเศรษฐกิจข้างต้นที่เข้ามากระทบ

ทั้งนี้ จะเสนอไปยังสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) ให้ชงมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าแก่นักท่องเที่ยวจีนและอินเดียภายในไตรมาส 1 ของปี 2563 เมื่อประเมินสถานการณ์ตลาดท่องเที่ยวหลังเทศกาลตรุษจีนว่าเข้าเป้าหรือไม่ การต่ออายุมาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียม VoA ส่งผลดีมากน้อยแค่ไหน และนักท่องเที่ยวจีนกลับมาเที่ยวไทยตามต้องการหรือไม่ โดยแอตต้ายังมองว่ามาตรการยกเว้นค่าธรรมเนียมวีซ่าเป็นยาที่แรงกว่า เพราะดึงดูดความสนใจของนักท่องเที่ยวจีนและอินเดียได้มากกว่า ทำให้ไม่ต้องเข้าคิวยาวรอยื่นขอวีซ่า VoA ตรงด่านตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบิน ทั้งยังตอบโจทย์ประเด็นความมั่นคงได้อีกด้วย

นายทวีศักดิ์ วาณิชย์เจริญ อธิบดีกรมการท่องเที่ยว เปิดเผยว่า รายงานของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเบื้องต้นระบุว่าในช่วง 7 เดือนแรกของปีนี้ ไทยมีรายได้การท่องเที่ยวจากตลาดในและต่างประเทศรวม 1.82 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 2.63% แบ่งเป็นรายได้จากตลาดต่างประเทศ 1.19 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.49% จากจำนวนชาวต่างชาติเที่ยวไทย 23.07 ล้านคน เพิ่มขึ้นเพียง 1.85% ส่วนตลาดไทยเที่ยวไทย สร้างรายได้ 6.3 แสนล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.88% จากจำนวนนักท่องเที่ยวไทย 90.52 ล้านคน-ครั้ง เพิ่มขึ้น 2.56%

สำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ครองสัดส่วนมาไทยมากสุดอันดับ 1 ยังคงเป็นจีน มีจำนวน 6,634,226 ติดลบ 3.3% รองลงมาคือมาเลเซีย 2,245,008 คน เพิ่มขึ้น 6.2%, อินเดีย 1,142,944 คน เพิ่มถึง 24.35%, เกาหลี 1,073,494 คน เพิ่มขึ้น 3.71%, สปป.ลาว 1,056,213 คน เพิ่มขึ้น 6.51% ส่วนญี่ปุ่น 998,774 คน เพิ่มขึ้น 9.99%

นายทวีศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จะเดินหน้าปรับปรุงกฎหมาย พรบ.ธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์เพิ่มเติม ในส่วนของการกำหนดอัตราราคาทัวร์ขั้นต่ำ ทั้งราคาแพ็คเกจทัวร์ตลาดต่างชาติเที่ยวไทย (อินบาวด์), ไทยเที่ยวต่างประเทศ (เอาต์บาวด์) และไทยเที่ยวในประเทศ (โดเมสติกส์) แม้มองว่าจะเป็นเรื่องยาก แต่ต้องทำตามที่กฎหมายได้ระบุไว้ตั้งแต่ปี 2551 เพื่อให้อนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มีผลบังคับใช้ คาดว่าจะช่วยป้องกันปัญหาการทิ้งทัวร์ที่มักเห็นบ่อยๆ โดยเฉพาะในตลาดเอาต์บาวด์ และปรามไม่ให้บริษัททัวร์เอารัดเอาเปรียบนักท่องเที่ยว เพื่อสร้างความเชื่อมั่นแก่นักท่องเที่ยวในการซื้อทัวร์

“ผมมองว่าถึงเวลาแล้วที่จะนำเรื่องการกำหนดอัตราค่าบริการทัวร์ขั้นต่ำมาหารือกันอีกครั้ง หลังจากได้กรอบราคาคร่าวๆ มาแล้ว เพื่อให้ธุรกิจทัวร์ไม่ขายราคาต่ำกว่าที่กำหนด โดยขณะนี้อยู่ระหว่างศึกษารายละเอียดเพิ่มเติม เพื่อนำเสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการธุรกิจนำเที่ยวและมัคคุเทศก์ ซึ่งมีปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวฯ เป็นประธานในปลายเดือน ก.ย.นี้ หากผ่านการเห็นชอบ คาดว่าจะลงประกาศในราชกิจจานุเบกษาได้ในเดือน พ.ย.นี้”

ทั้งนี้จะทำพร้อมๆ กันทั้งตลาดทัวร์อินบาวด์ เอาต์บาวด์ และโดเมสติกส์ แยกกรอบราคาทัวร์ตามรายกลุ่มประเทศ ได้แก่ กลุ่มยุโรป, อเมริกา, ออสเตรเลีย-นิวซีแลนด์, เอเชีย มีญี่ปุ่น เกาหลี ไต้หวัน (ไม่รวมจีน) และอาเซียน ยกเว้นสิงคโปร์ที่ราคาทัวร์สูงโดดกว่าประเทศอื่นๆ ในกลุ่ม โดยเบื้องต้นวางแนวทางไว้ว่าผู้ซื้ออาจจะต้องจ่ายให้ครบ ไม่มีการแบ่งจ่ายมัดจำ และห้ามผู้ขายเรียกเก็บเงินเพิ่มนอกเหนือจากโปรแกรม ทั้งค่าทิปไกด์นำเที่ยว และค่าทิปคนขับรถ เป็นต้น