ขึ้นในกรอบจำกัด

ขึ้นในกรอบจำกัด

ดัชนีวานนี้ปรับตัวลงแรง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาค โดยระหว่างวันปรับลดลงต่ำสุดกว่า 35 จุด จากสงครามการค้าเริ่มดุเดือดยิ่งขึ้น

หลังจากที่คืนวันก่อนหน้า ทั้ง 2 ฝ่ายมีท่าทีจะตอบโต้แก่กัน โดยการเรียกเก็บภาษีสินค้านำเข้าอีกฝ่ายละ 5-10%  อย่างไรก็ดี ในภาคบ่ายสถานการณ์ดังกล่าวเริ่มคลายตัวลงเล็กน้อย หลังจาก ปธน.ทรัมป์ ออกมาเผยว่าการเจรจาการค้าสหรัฐฯ-จีนจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้งเร็วๆ นี้ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,622.73 จุด (-23.95 จุด) Volume 6.5 หมื่นลบ. TFEX Net -4,180.82 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ +1,838 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 269.93 จุด +1.05% หลังจากปธน.ทรัมป์เผยว่า สหรัฐและจีนจะเริ่มเจรจาการค้ารอบใหม่ ช่วยให้นักลงทุนคลายความกังวลเกี่ยวกับข้อพิพาทการค้าระหว่างสองประเทศ และตลาดยังได้รับแรงหนุนจากรายงานตัวเลขยอดสั่งซื้อสินค้าคงทนของสหรัฐพุ่งขึ้น 2.1% ในเดือนก.ค. สูงสุดรอบเกือบ 1 ปีในเดือนก.ค.

+นายกฯนำครม.ร่วมรับพระราชทานพระราชดำรัส พร้อมลายพระหัตถ์ ร.10 “วันถวายสัตย์ฯ”

+ในช่วง 10 เดือนแรกของปีงบประมาณ 2562 จัดเก็บรายได้ได้ 1.59 ล้านล้านบาท คาดทั้งปีจะสูงกว่าเป้าที่ 2 ล้านล้านบาท

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.575 บาท/US

-ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดลบ 53 เซนต์ -1% ปิดที่ 53.64 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังความตึงเครียดสหรัฐ-อิหร่านส่งสัญญาณคลี่คลาย และอาจเปิดทางให้อิหร่านกลับมาส่งออกน้ำมันได้มากขึ้น

*จับตาการเมืองในประเทศ สหรัฐเปิดเผยราคาบ้านเดือนมิ.ย.และความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนส.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาส Rebound ตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยคาดว่านักลงทุนจะคลายความวิตกประเด็นสงครามการค้าลง หลังจากประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ได้กล่าวว่า จะเริ่มเจรจาทางการค้ากับจีนรอบใหม่อย่างจริงจัง ขณะที่ยังต้องเฝ้าระวังพันธบัตรสหรัฐอายุ 2 ปี และอายุ 10 ปีที่เกิดinverted yield curve อีกครั้ง คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,620-1,635 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC) หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ERW CENTEL AOT BJC CPALL TNP) หุ้น Domestic Play (ADVANC AMATA EKH SISB HMPRO)

หุ้นรายงานพิเศษ

AU Analyst Meeting ราคาปิด 14.5 บาท ราคาเหมาะสม(เดิม) 9.20 บาท “มุมมองบวก แต่ยังคงแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว”

แนวโน้ม 2H62 คาดจะเติบโตต่อเนื่อง บริษัทมีแผนเปิดสาขาเพิ่มอีก 2-3 สาขา ได้แก่ พัทยา ภูเก็ต และกทม.(ราชประสงค์) จังหวัดละ 1 สาขา อีกทั้งบริษัทยังมีแผนกระจายกลุ่มลูกค้ามากขึ้น โดยการเพิ่มสาขาแบบ Pop-up stores (ร้านค้าขนาดเล็ก ไม่ได้จัดตั้งถาวร) ซึ่งได้กระแสตอบรับค่อนข้างดี มีรายได้ราว 5-6 หลักต่อวัน นอกจากนี้ คาดว่า 3Q62 ผลประกอบการยังคงเติบโตได้ แม้เข้าฤดูฝนจากยอดซื้อสินค้ากลับบ้าน (Take-Away) ของ Grab และ Line Man ที่โตแรง (สัดส่วนรายได้ Take-away ใน 2Q62 เท่ากับ 29% เทียบกับต้นปีอยู่ที่ระดับ 10%) นอกจากนี้ เทรนของ %GPM ยังเติบโตดีขึ้นตามยอดของ Take-away ที่มีมาร์จิ้นดีกว่ารายได้ประเภทอื่นๆ ประกอบกับ บริษัทยังเข้าสู่ช่วง Economies of Scale ยิ่งหนุนให้อัตราการทำกำไรให้ดีขึ้นกว่าเดิม

แผนการเปิดสาขาที่ฮ่องกงยังเป็นไปตามแผน แม้มีเหตุวุ่นวายภายในประเทศ แต่ไม่ได้รุนแรงเท่าที่ข่าวสื่อออกมา โดยกำหนดการยังคงเดิม คือ ช่วงก่อนวันคริสต์มาส ทั้งนี้ บริษัทจะมีรายได้จากดีลนี้ 3 ส่วน คือ 1) Initial Fee 2) Royalty Fee และ 3) ซื้อวัตถุดิบกับบริษัท โดยมีอายุสัญญา 5 ปี และมีระบุขั้นต่ำในการขยายสาขาไม่น้อยกว่า 5 แห่ง

ทั้งนี้ เราอยู่ในระหว่างการปรับประมาณการเชิงบวกของกำไรทั้งปี 62 (โดยกำไร 1H62 คิดเป็น 62% ของประมาณกำไรเดิม) อย่างไรก็ดี ราคาหุ้นได้ปรับตัวขึ้นตั้งแต่ต้นปีราว 136% บวกกับ PE ปัจจุบันอยู่ที่ระดับ 56 เท่า สูงกว่ากลุ่มที่ระดับ 30 เท่า จึงคงคำแนะนำซื้อเมื่ออ่อนตัว

หุ้นมีข่าว   

·      CHEWA - Analyst Meeting ราคาปิด 0.74 บาท อุตสาหกรรมอสังหาฯยังไม่ฟื้นแนะนำ Wait&See

(-) ผลประกอบการ 2Q62 พลิกขาดทุนกว่า 13 ลบ. จากผลกระทบของมาตรการ LTV ทำให้เกิด Price war ขายตัดราคาเพื่อเร่งระบายสินค้า ประกอบกับบริษัทได้รับผลกระทบจากการชะลอการเปิดโครงการแนวราบ 2 โครงการ มาเปิดช่วงปลายไตรมาส 2  ได้แก่ Chewa Home Suksawat Pracha U-Thit และ Chewawan Pinklao-Sathorn มูลค่ารวมราว 320 ลบ.

(-) อุตสาหกรรมอสังหาฯยังไม่ฟื้น แม้แบงก์ชาติเริ่มผ่อนปรน LTV แต่บรรยากาศการซื้อขายที่ซบเซากดดันให้บริษัทปรับเป้ายอดขายลดลงเหลือ 1,600 ลบ. (จากเดิม 2,800 ลบ. ลดลง 57%) -38%YoY นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยลบจากแผนการเปิดโครงการคอนโดที่ล่าช้าจากปัญหาการขอ EIA (ปัจจุบันดำเนินการผ่านเรียบร้อยแล้ว) จำนวน 2 โครงการ คือ Hallmark Charan13 และ Hallmark Ladproa-Chokchai4 มูลค่ารวมราว 450 ลบ. อย่างไรก็ดีในช่วง 2H62 บริษัทเตรียมเปิด 7 โครงการใหม่แบ่งเป็น แนวราบ 3 โครงการ คอนโดฯ 3 โครงการ และโครงการร่วมทุน 1 โครงการ มูลค่ารวมราว 7.2 พันลบ. คาดจะช่วยหนุน Backlog ในช่วง 2H62 เพิ่มอีกราว 700 ลบ. จากปลาย 2Q62 อยู่ที่ระดับ 295 ลบ.

(-) เตรียมปรับประมาณการในเชิงลบจากเดิมที่คาดกำไรปี 62 ราว 317.5 ลบ. ( 1H62 ขาดทุน 6.4 ลบ.) เพื่อสะท้อนเป้ายอดขายใหม่ที่ลดลงจากเดิมกว่าครึ่ง

·      TCAP บอร์ดอนุมัติแผนบริหารสภาพคล่องส่วนเกินไม่ต่ำกว่า 10,000 ล้านบาทกรณีรวมกิจการ TMB ใน 2 แนวทาง

1) ซื้อหุ้นคืนจำนวนไม่เกิน 97 ล้านหุ้น วงเงินไม่เกิน 5,000 ล้านบาท กำหนดราคาซื้อคืนไม่เกินราคาเฉลี่ยของวันทำการก่อนวันซื้อหุ้นคืน

2) ปันผลพิเศษ 4 บ./หุ้น  (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

ความเห็น คาดการซื้อหุ้นคืนช่วยพยุงราคาหุ้นที่ลดลง 12% ในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมา ราคาหุ้นล่าสุดซื้อขายที่ PBV 0.86 เท่า และต่ำกว่า PBV กลุ่มที่ระดับ 0.92 เท่า โดยมี yield สูงถึง 7.9%

·      BEM (Bloomberg Consensus 11.80) “ปลัดคมนาคม.แย้มคณะทำงานแก้ไขข้อพิพาททางด่วนกทพ.-BEM สรุป 3 แนวทาง โดยคาดว่าได้ข้อสรุปวันนี้ (ที่มาข่าวหุ้น)

ความเห็น หากอนุมัติให้มีการขยายอายุสัมปทานทางด่วนขั้นที่ 2 (ส่วน A, B และ C)  ทางด่วนขั้นที่ 2 ส่วน D และ โครงการทางด่วนสายบางปะอิน-ปากเกร็ด (C บวก) ออกไป 30 ปีจะเป็นผลดีต่อ BEM มากที่สุด แต่หากแนวทางอื่นผลบวกต่อ BEM จะลดลง

·      BPP (Bloomberg Consensus 24.36 บาท) สนใจลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซ ขนาด 1,000 เมกะวัตต์ ในสหรัฐฯ พร้อมซุ่มศึกษาดีล M&A โรงไฟฟ้าที่จีน-ญี่ปุ่น-เวียดนาม หลังตุนกระแสเงินสดกว่า 8,048 ล้านบาท หวังดันพอร์ตโรงไฟฟ้าพุ่ง 4,300 MW ตามเป้าปี 68 ส่วนผลงานปีนี้คาดดีกว่าปีก่อน เหตุ COD โรงไฟฟ้าใหม่เพิ่มอีก 97 MW (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      TKS (Bloomberg Consensus 10.70 บาท) ทำเทนเดอร์ฯ หุ้น TBSP ทั้งหมด จำนวน 22,282,170 หุ้น คิดเป็นสัดส่วน 20.26% ในราคาหุ้นละ 13.80 บาท รับซื้อตั้งแต่วันที่ 27 ส.ค.-1 ต.ค. 62 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      ERW (Bloomberg Consensus 7.12 บาท) คาดผลงานครึ่งปีหลังแจ่ม! รับไฮซีซั่นธุรกิจ-นักท่องเที่ยวจีนเริ่มกลับมา ขณะที่ปิดงบ Q3 เล็งหั่นเป้ารายได้รวมปีนี้ลด จากเดิมที่คาดโต 7% จากปีก่อน หลังเจอ 3 ปัจจัยกดดัน เงินบาท-ท่องเที่ยวจีน-มาตรการรัฐ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      TKN (Bloomberg Consensus 11.00 บาท) แจงขายบิ๊กล็อต 48.30 ล้านหุ้น ให้บริษัทยักษ์ใหญ่เกาหลีใต้ เตรียมเปิดตัวเดือนกันยายนนี้ หวังช่วยต่อยอดธุรกิจ ขยายตลาดจีน-เกาหลี-เวียดนามและรัสเซีย ดันยอดขายไตรมาส 4/2562 พุ่ง จับตาผลงานไตรมาส 3/2562 โดดเด่น หลังต้นทุนสาหร่ายลดฮวบ 10-15% รวมถึงรับกลยุทธ์การขายและการผลิตใหม่ (ที่มา ทันหุ้น)

  • ACG สัญญาณดี ลุ้นยอดขายทะลักรับอานิสงส์ "ฮอนด้าออโตโมบิล (ประเทศไทย)" ลุยออกแคมเปญกระตุ้นตลาดไตรมาส 3/62 จัดแคมเปญ "Honda Surprise ให้ลุ้นทองเป็นล้าน" มูลค่ารวม 20 ล้านบาท ฟากผู้บริหาร มั่นใจแคมเปญใหญ่ ช่วยหนุนผลงานปีนี้เข้าเป้า (ที่มา ทันหุ้น)
  • WHA (Bloomberg Consensus 5.23 บาท) เล็งเปิดนิคมใหม่ 3 แห่ง รวมกว่า 10,000 ไร่ ภายในปี 2563-2565 ดันยอดขายที่ดินพุ่ง "จรีพร จารุกรสกุล" ส่งซิกไตรมาส 3/2562 มีลุ้นปิดดีลลูกค้าต่างชาติเพิ่ม ขณะที่ธุรกิจน้ำแนวโน้มโตดีคาดปริมาณขายเข้าเป้า 12 ล้านลูกบาศก์เมตร มั่นใจดันผลงานสิ้นปีโตเข้าเป้า 70% ตุน Backlog กว่า 1,100 ไร่ ทยอยโอนปีนี้ 600-700 ไร่ (ที่มา ทันหุ้น)
  • IRPC (Bloomberg Consensus 5.09 บาท) คาด GIM ครึ่งปีหลัง 2562 แตะ 10-11 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล รับอานิสงส์มาตรการ IMO หนุน ดีมานด์ใช้แก๊สโซลีน-ดีเซล เติบโตดี เล็งกำลังการกลั่นอยู่ที่ 200-205 KBD เผยไตรมาส 3/2562 ทยอยบุ๊กกำไรพิเศษขายที่ดินให้ WHA ราว 100 ล้านบาท โบรกส่องผลงานไตรมาส 3/2562 ฟื้นตัวจากค่าการกลั่น  (ที่มา ทันหุ้น)
  • AIE ออกตั๋วสัญญาใช้เงินเสนอขายเฉพาะเจาะจง วงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาท อายุไม่เกิน 1 ปี อัตราดอกเบี้ยไม่เกิน 5% ต่อปี เพื่อรองรับโอกาสในการขยายธุรกิจ หรือใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน (ที่มา ข่าวหุ้น)