ขิงก็รา ข่าก็แรง

ขิงก็รา ข่าก็แรง

คาด SET ปรับตัวลงสู่ 1,610 - 1,620 จุด เนื่องจากสถานการณ์ Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่รุนแรงขึ้น

ลาดหุ้นเมื่อวันศุกร์: SET Index ปรับตัวขึ้น +13.12 จุด (+0.80%) ปิดที่ระดับ 1,646 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.1 หมื่นล้านบาท จากแรงซื้อเก็งกำไรลุ้นคำแถลงประธานเฟดส่งสัญญาณเชิงบวกการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงเพื่อพยุงเศรษฐกิจที่ชะลอตัว ประกอบกับแรงซื้อ Technical rebound ในกลุ่มที่ลงแรงมาก่อนหน้า เช่น Cons, Bank, Health หนุนให้ดัชนีดีดตัวขึ้นแรง ในส่วนของนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 1,527 ล้านบาท แต่ขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 3,170 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 1,636 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นลบคาด SET ปรับตัวลงสู่ 1,610 – 1,620 จุด เนื่องจากสถานการณ์ Trade war ระหว่างสหรัฐ-จีนที่รุนแรงขึ้น โดยจีนประกาศเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐ 5 – 10% วงเงิน 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ในการเก็บภาษี 2 รอบมีผล 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค. และเก็บภาษี 25% ต่อรถยนต์นำเข้าจากสหรัฐ ส่วนสหรัฐตอบโต้ด้วยการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าจากจีนอีก 5% เป็น 30% วงเงิน 2.5 แสนล้านดอลลาร์ มีผล 1 ต.ค. และสั่งให้บริษัทสหรัฐรีบถอนตัวออกจากจีน นอกจากนี้นักลงทุนยังผิดหวังถ้อยแถลงประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยในช่วงถัดไป ซึ่งหลายปัจจัยดังกล่าวนี้ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 และ 2 ปี เกิด Inverted Yield curve, VIX index พุ่งขึ้นสู่ 19.87 จุด, เงินหยวนอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปีล่าสุด 7.09 Yuan/USD และราคาน้ำมันดิบทรุดตัวลงแรง ซึ่งกดดันต่อภาวะตลาด

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  คาดได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะประชุม 30 ส.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางกำลังขึ้นทดสอบ High ในรอบเกือบ 6 ปีล่าสุด 2,168 จุด
  • หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : BCH (ปิด 15.9 ซื้อ/เป้า 19 บาท) มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017), CPALL (ปิด 86.75 ซื้อ/เป้า 100) Top pick กลุ่มค้าปลีก ปลอดภัยจากปัญหา Trade war, SSSG ยังเป็นบวกคาดปีนี้ +3% การขยายสาขายังเป็นไปตามแผนตั้งเป้าที่ 700 สาขาต่อปี และได้ Sentiment บวกจากภาครัฐออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ผ่านการช่วยเหลือค่าครองชีพ

KSS report วันนี้Thailand Strategy (เรือเล็กควรงดออกจากฝั่ง), Thailand Strategy (พระโค)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (-) เมื่อวันศุกร์จีนประกาศเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐในอัตรา 5-10% วงเงินประมาณ 7.5 หมื่นล้านดอลลาร์ มีผลบังคับใช้ 2 รอบคือ วันที่ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค.19 เพื่อเป็นการตอบโต้ที่สหรัฐประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้า 3 แสนล้านเหรียญจากจีน ขณะเดียวกันสหรัฐตอบโต้ทันทีโดยประกาศจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม แบ่งเป็น 1) สินค้านำเข้า 2.5 แสนล้านเหรียญฯ เดิมเก็บภาษี 25% จะเพิ่มเป็น 30% มีผลบังคับใช้ 1 ต.ค.19, 2) สินค้านำเข้า 3 แสนล้านเหรียญฯ เดิมเก็บภาษี 10% จะเพิ่มเป็น 15% แบ่งการเก็บภาษีเป็น 2 รอบ คือ 1 ก.ย. และ 15 ธ.ค.19 นอกจากนี้ทรัมป์ ยังเรียกร้องให้บริษัทสัญชาติอเมริกาทั้งหมดในจีนเตรียมหาฐานการผลิตแห่งใหม่หรือย้ายกลับประเทศให้หมด ความขัดแย้งที่รุนแรงขึ้นเป็นลบต่อ Sentiment การลงทุนของกลุ่ม Global play โดยเฉพาะกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์, กลุ่มธุรกิจน้ำมัน และ กลุ่มปิโตรฯเคมี
  • (-) 100%0.25 นาย เจอโรม พาวเวล ขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ ในการประชุมประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสันโฮล แต่ในสุนทรพจน์ดังกล่าวไม่ได้มีการส่งสัญญาณที่ชัดเจนต่อการลดอัตราดอกเบี้ย โดยระบุเพียงว่าเฟดจะใช้นโยบายที่เหมาะสมในการพยุงเศรษฐกิจให้กลับมาขยายตัว อย่างไรก็ตามด้วยภาวะเศรษฐกิจของสหรัฐที่กำลังชะลอตัว และปัญหาสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐกำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นทำให้ตลาดและนักลงทุนค่อนข้างมั่นใจว่าเฟดจะต้องปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอย่างน้อย 0.25% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 18 ก.ย.19 (Fed watch คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 100%)
  • (+) FTSE KTC, BGRIM PLANB 2019: เมื่อวันศุกร์ FTSE ประกาศรายชื่อหุ้นที่ใช้คำนวณดัชนีรอบใหม่ โดยครั้งนี้มีหุ้นไทยที่ได้รับเข้าคำนวณหลายหลักทรัพย์ ประกอบด้วย FTSE All world แบ่งเป็น Large cap คือ  KTC และ Mid cap เป็น BGRIM ขณะที่ PLANB ได้รับเข้าคำนวณในกลุ่ม Small cap โดยทั้งหมดจะมีผลบังคับใช้โดยใช้ราคาปิด ณ วันที่ 20 ก.ย.19
  • (+) Thailand Focus 2: รัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงาน Thailand Focus 2019 ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค.19 เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและเป็นการชี้แจงและอธิบายถึง Road map ในการบริหารประเทศของรัฐบาลซึ่งจะมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เข้าร่วมงานกว่า 100 บริษัท รวมถึงผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนสถาบันทั้งจากไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในช่วงปลายสัปดาห์คาดว่า ครม.จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัด 2 คาดว่ารัฐบาลจะมีการหารือเพื่อออกมาตรการเศรษฐกิจชุดที่ 2 ซึ่งเป็นมาตรการระยะกลางถึงยาว เบื้องต้นน่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการ EEC Project รวมถึงโครงการค้างท่อในภาคการก่อสร้าง และ Mega Project ต่างๆซึ่งจะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในช่วง