ตร.ฮ่องกงยันผู้ประท้วงใช้ความรุนแรง บีบใช้ ‘ไม้แข็ง’

ตร.ฮ่องกงยันผู้ประท้วงใช้ความรุนแรง บีบใช้ ‘ไม้แข็ง’

ตำรวจฮ่องกงประณามกลุ่มผู้ประท้วงเจตนาใช้ความรุนแรงมากขึ้น บีบให้เจ้าหน้าที่จำเป็นต้องตอบโต้ด้วย "ไม้แข็ง" รวมถึงการยิงปืนขึ้นฟ้าและฉีดน้ำแรงดันสูง ด้านจีนส่งสัญญาณพร้อม "เข้าแทรกแซง"

สำนักงานตำรวจฮ่องกง แถลงวันนี้ (26 ส.ค.) ว่า ผลของปฏิบัติการกระชับพื้นที่และสลายการชุมนุมของผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลซึ่งยืดเยื้อเป็นสัปดาห์ที่ 12 เมื่อวานนี้ (25 ส.ค.) เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ก่อความไม่สงบได้ 36 คน มีทั้งชายและหญิง อายุน้อยที่สุดอยู่ที่เพียง 12 ปี และอายุมากที่สุดคือ 48 ปี

ตำรวจฮ่องกงยืนยันว่า มีการใช้รถฉีดน้ำแรงดันสูงต่อกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นครั้งแรก นอกเหนือจากการระดมยิงแก๊สน้ำตาที่เพิ่มจำนวนมากขึ้น เนื่องจากอีกฝ่ายใช้อาวุธรุนแรงมากขึ้นทั้งระเบิดเพลิง ก้อนอิฐ และท่อเหล็ก ขณะเดียวกันมีเจ้าหน้าที่อย่างน้อย 6 นายถือปืนอย่างเปิดเผย และหนึ่งในนั้นเป็นผู้ยิงกระสุนจริงจากปืน .38 ขึ้นฟ้า “อย่างน้อย 1 นัด” เพื่อเตือนสติกลุ่มผู้ประท้วง

“ขอยืนยันว่าไม่มีใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการยิงกระสุนปืนของตำรวจ” แถลงการณ์ระบุ

นอกจากนั้น ตำรวจฮ่องกงยังเตือนว่า กิจกรรมของฝ่ายต่อต้านรัฐบาลเป็นการรวมตัวที่ผิดกฎหมายและใช้ความรุนแรงมากขึ้นทุกครั้งโดยเป็นการเดินขบวนและชุมนุมนอกเขตที่เจ้าหน้าที่กำหนด การตั้งสิ่งกีดขวางการจราจร การทำลายทรัพย์สินทั้งของสาธารณะและส่วนบุคคล และการใช้อาวุธในบางกรณีที่ “พุ่งเป้าเอาชีวิตเจ้าหน้าที่” ถือเป็นการนำฮ่องกงดำดิ่งลงสู่จุดอันตรายลึกลงไปอีก

ด้านคณะผู้บริหารฮ่องกง แถลงประณามการใช้ความรุนแรงของผู้ประท้วงในหลายจุดที่มีการชุมนุมเมื่อวานนี้ ผู้ประท้วงจำนวนมากใช้ท่อนเหล็ก ก้อนอิฐและระเบิดขวดขว้างปาเข้าใส่เจ้าหน้าที่และรถตำรวจ นอกจากนี้ยังพากันปล้นสะดมและทุบทำลายร้านค้าหลายแห่ง

“เราขอวิงวอนให้ประชาชนต่อต้านการใช้ความรุนแรง และขอให้ทุกคนปฏิบัติตามกฎหมายซึ่งจะช่วยให้สังคมกลับสู่ความสงบเรียบร้อยโดยเร็ว”

ขณะที่บทบรรณาธิการสำนักข่าวซินหัว สื่อกระบอกเสียงของจีนได้หยิบยกคำพูดของนายเติ้ง เสี่ยวผิง อดีตผู้นำระดับสูงของจีนมากล่าวอ้างอีกครั้ง โดยระบุว่า “เมื่อเกิดจลาจลในฮ่องกง รัฐบาลกลางจีนไม่ได้มีเพียงแค่อำนาจในการแทรกแซงเท่านั้น หากแต่ยังเป็นความรับผิดชอบของรัฐบาลจีนด้วยที่จะต้องแทรกแซง”

นอกจากนี้ บทบรรณาธิการของซินหัวยังระบุว่า การประท้วงในฮ่องกงได้เปลี่ยนเป็นการปฏิวัติสี (Color Revolution) ที่มีวัตถุประสงค์เพื่อโค่นล้มสถาบันรัฐธรรมนูญของเขตปกครองไปแล้ว ซึ่งเป็นสัญญาณว่าจีนกำลังจะใช้มาตรการที่แข็งกร้าวขึ้น