ติดตามสุนทรพจน์ FED

ติดตามสุนทรพจน์ FED

Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่องรวมถึงจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนสูง

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index อ่อนตัวลง -4.68 จุด (-0.29%) ปิดที่ระดับ 1,633 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.6 หมื่นล้านบาท ตามทิศทางตลาดหุ้นภูมิภาคที่อ่อนตัวลงเพื่อรอติดตามคำแถลง Fed ว่าจะส่งสัญญาณการปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงหรือไม่ ประกอบกับแรงขายหุ้นกลุ่ม CONS, PETRO และ ETRON จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจชะลอตัวส่งผลให้ดัชนีปรับตัวลง ส่วนนักลงทุนต่างชาติเป็นฝั่งขายสุทธิ 3,227 ล้านบาท และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 5,355 ล้านบาท แต่ Net Long TFEX จำนวน 14,019 สัญญา

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัวในกรอบ 1,625 – 1,640 จุด โดยภาวะตลาดได้แรงหนุนจากคาดการณ์ประธาน Fed จะส่งสัญญาณลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีในวันนี้ (23 ส.ค.) อย่างไรก็ตามความกังวลภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับมากดดันทิศทางการลงทุนอีกครั้งหลังอัตราผลตอบแทนพันธบัตรสหรัฐอายุ 10 และ 2 ปี เกิด Inverted Yield curve รวมถึงตัวเลข PMI ภาคการผลิตสหรัฐเดือนส.ค.ลงต่ำสุดในรอบ 10 ปี นอกจากนี้เงินหยวนที่กลับมาอ่อนค่าต่ำสุดในรอบ 11 ปีล่าสุด 7.08 Yuan/USD  ซึ่งส่งผลให้ Fund Flow มีแนวโน้มไหลออกต่อเนื่องรวมถึงจะกดดันให้ดัชนีมีความผันผวนสูง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มนิคมฯ (AMATA, WHA)  คาดได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ที่จะประชุม 30 ส.ค.
  • กลุ่มไฟแนนซ์ (MTC, SAWAD, THANI) ได้ประโยชน์ต้นทุนลดลงจากทิศทางดอกเบี้ยขาลง
  • กลุ่มเดินเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางกำลังขึ้นทดสอบ High ในรอบเกือบ 6 ปีล่าสุด 2,118 จุด
  • หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BEM, BTS, BDMS, BCH, CHG, GPSC, BGRIM, TPCH, TTW, CPALL)

หุ้นแนะนำวันนี้ : AMATA (ปิด 25 ซื้อ/เป้า 28 บาท) เก็งกำไรคาดสัปดาห์หน้ารัฐบาลเดินหน้ากระตุ้นเศรษฐกิจชุดที่ 2 คาดเป็นโครงการระยะกลางถึงยาวโดยเฉพาะโครงการ EEC Project ซึ่งจะส่งผลบวกโดยตรงต่อหุ้นในกลุ่มนิคมอุตสาหกรรม ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น, BCH (ปิด 15.8 ซื้อ/เป้า 19 บาท) มองผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้วและจะเริ่มเห็นการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญตั้งแต่ 3Q19 เนื่องจากเป็นช่วง High season ของธุรกิจ ขณะเดียวกันยังมี Upside จากประเด็นการขอปรับขึ้นค่ารักษาพยาบาลจากประกันสังคมเพราะบริษัทไม่ได้ปรับขึ้นค่ารักษาจากส่วนนี้มานานแล้ว (ขึ้นครั้งสุดท้ายคือ ก.ค.ปี 2017) โดย BCH และ CHG ถือเป็นโรงพยาบาลที่มีสัดส่วนลูกค้าประกันสังคมมากที่สุดของกลุ่ม (33%),

KSS report วันนี้: CPF (ปิด 29.75 ซื้อ/เป้า 33.5), GFPT (ปิด 18 ซื้อ/เป้า 21)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

  • (+/-) ดัชนีตลาดหุ้นดาวโจนส์และราคาน้ำมันดิบเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบแคบ เนื่องจากตลาดยังไม่มีปัจจัยบวกลบใหม่ที่ชัดเจน นักลงทุนส่วนใหญ่ชะลอการลงทุนเพื่อรอดูการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์ของ นายเจอโรม พาวเวล ประธานเฟด ในการประชุมเศรษฐกิจประจำปีของเฟดที่เมืองแจ็กสัน โฮล ในคืนวันนี้ เพื่อจับสัญญาณว่าเฟดจะมีมุมองต่อทิศทางเศรษฐกิจของสหรัฐอย่างไร และจะดำเนินนโยบายการเงิน  โดยเฉพาะการส่งสัญญาณในการลดอัตราดอกเบี้ยอย่างไร เบื้องต้นตลาดคาดว่า เฟดจะลดอัตราดอกเบี้ยอย่างน้อยอีก 2 ครั้งในปีนี้ (CME Fedwatch คาดความน่าจะเป็นที่เฟดจะลดดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมวันที่ 18 ก.ย.19 ที่ 93.5%)
  • (+/-) MSCI 10%2719: MSCI ประกาศปรับน้ำหนักในการคำนวณดัชนีรอบใหม่ โดยจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนขึ้นจากเดิม 10% เป็น 15% ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ MSCI เคยประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปีว่า MSCI จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนขึ้นจาก 5% เป็น 20% โดยจะทยอยเพิ่มครั้งละ 5% ทั้งหมด 3 ครั้ง คือ พ.ค., ส.ค. และ พ.ย.19 ซึ่งการปรับน้ำหนักในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้นำหนักหุ้น A-Share ของจีนในดัชนี MSCI EM ซึ่งมีไทยรวมอยู่ในน้ำหนักการคำนวณเพิ่มขึ้นเป็น 2.46% และจะกดดันให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยลดลง ประมาณ 0.08% จาก 3.08% เป็น 3% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินทุนไหลออกประมาณ 5.5 พันล้านบาท มีผลโดยใช้ราคาปิด 27 ส.ค.19 (รอบนี้ไม่หุ้นเข้าออก) เบื้องต้นเราคาดว่าการปรับน้ำหนักในครั้งนี้จะกระทบต่อ Fund flow ไหลออกไม่มาก โดยเฉพาะกองทุนที่เป็น Active fund เนื่องจากในช่วง 1 เดือนที่ผ่านมานักลงทุนต่างชาติได้ขายสุทธิเพื่อปรับพอร์ตตอบรับกับประเด็นนี้ไปแล้ว
  • (+) Thailand Focus 2: รัฐบาลและตลาดหลักทรัพย์ฯ จะจัดงาน Thailand Focus 2019 ในช่วงวันที่ 28-30 ส.ค.19 เพื่อเรียกความเชื่อมั่นให้กับนักลงทุนและเป็นการชี้แจงและอธิบายถึง Road map ในการบริหารประเทศของรัฐบาลซึ่งจะมีบริษัทจดทะเบียนขนาดใหญ่เข้าร่วมงานกว่า 100 บริษัท รวมถึงผู้จัดการกองทุนและนักลงทุนสถาบันทั้งจากไทยและต่างชาติเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ในช่วงปลายสัปดาห์คาดว่า ครม.จะมีการประชุม ครม.เศรษฐกิจนัด 2 คาดว่ารัฐบาลจะมีการหารือเพื่อออกมาตรการเศรษฐกิจชุดที่ 2 ซึ่งเป็นมาตรการระยะกลางถึงยาว เบื้องต้นน่าจะเกี่ยวข้องกับโครงการ EEC Project รวมถึงโครงการค้างท่อในภาคการก่อสร้าง และ Mega Project ต่างๆซึ่งจะส่งผลบวกต่อ Sentiment การลงทุนในสัปดาห์หน้าโดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม Big cap ที่เข้าร่วมงาน Thailand Focus และ กลุ่มนิคมฯอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะได้ผลบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่