WHAUP - ซื้อ

WHAUP - ซื้อ

เวียดนามเป็นบ้านแห่งที่สอง

Event

ประชุมนักวิเคราะห์ 2Q62 และปรับประมาณการ

lmpact

มี Upside อีก 0.9 บาท/หุ้น จากหุ้น 34% ใน Duong River Surface Waterplant (SDWTP)

WHAUP ได้เข้าซื้อหุ้น 34% ใน Duong River Surface Waterplant (SDWTP) ด้วยมูลค่าธุรกรรม 2.8 พันล้านบาท SDWTP เป็นโรงงานบำบัดน้ำเสียที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัยที่สุดจากเยอรมนี และผลิตน้ำป้อนให้กับหนึ่งในสามของประชากรฮานอย (ประมาณ 3 ล้านคน) ผ่านบริษัทจัดจำหน่ายน้ำในท้องถิ่น โดยกำลังการผลิตในปัจจุบัน (1A) อยู่ที่ 54.5 ล้าน m3/p.a. ซึ่งเปิ ดดำเนินการมาตั้งแต่ต้นปี 2562 และคาดว่าเฟส 1B (54.5 ล้าน m3/p.a.) จะเริ่มเปิ ดดำเนินการใน 4Q62 ทั้งนี้ effective capacity (37.2 ล้าน m3/p.a.) เท่ากับเกือบครึ่งของปริมาณยอดขายน้ำดิบ และน้ำใช้ในโรงงานอุตสาหกรรมต่อปีของ WHAUP การเข้าลงทุนครั้งนี้ถือเป็นก้าวใหญ่สำหรับธุรกิจน้ำของบริษัทในเวียดนาม ซึ่งคาดว่าธุรกรรมจะเสร็จเรียบร้อยใน 4Q62 เราประเมินว่าดีลนี้จะทำให้มี upside 0.9 บาท/หุ้น อิงจาก i) ASP ที่ 14บาท/m3 ii) EBTIDA margin ที่ 70% iii) อัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 90% ในปี 2564 (ปัจจุบันอยู่ที่ 60%) iii) ระยะเวลาการดำเนินงาน 30 ปี และ iv) ไม่มีการปรับขึ้นราคา เราคาดว่าการลงทุนครั้งนี้จะทำกำไรให้ WHAUP (ภายใต้สมมติฐานอัตราการใช้กำลังการผลิตที่ 90%) ปีละ 100-150 ล้านบาท

ดีลที่เวียดนามจะเป็น game changer ที่สำคัญในการสร้างการเติบโตในระยะยาว

น้ำบาดาล (70% ของปริมาณการใช้น้ำทั้งหมด) เป็นแหล่งน้ำใช้หลักของเวียดนาม แต่อย่างไรก็ตาม ปัญหาการปนเปื้อนของน้ำบาดาลก็ได้กลายมาเป็นปัญหาใหญ่ (ไม่สามารถดื่มได้) ดังนั้น การเปลี่ยนน้ำบาดาลให้เป็นน้ำประปา (Figure 3) จึงจะเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้อุปสงค์โตในระยะสั้นด้วยอัตราการเติบโตที่ 5% CAGR ในช่วงปี 2561-2573 ทั้งนี้ ธุรกิจน้ำไม่ได้ถูกควบคุมโดยรัฐบาล และไม่มีเพดานการถือหุ้นของต่างชาติ เราคาดว่า SDWTP จะปรับเพิ่ม ASP ขึ้นได้จากอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังมีโอกาสที่จะขยายพื้นที่ให้บริการให้ครอบคลุมมากขึ้นด้วย

ปรับประมาณการกำไรปี 2562-63 เพื่อสะท้อนภาระดอกเบี้ยในระยะสั้น

เราปรับลดประมาณการกำไรสุทธิปี 2562-63 ลง 1.4% และ 0.2% เพื่อสะท้อนถึงค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นจากเงินกู้ระยะสั้นเพื่อเข้าซื้อหุ้น SDWTP และค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยสำหรับเงินกู้ระยะยาว หรือหุ้นกู้ซึ่งน่าจะชดเชยได้เกือบทั้งหมดด้วยรายได้ equity income ที่เพิ่มขึ้นในปี 2563 (เราปรับประมาณการขึ้นอีก 3.7%) โดยเราได้ปรับเพิ่มประมาณการค่าใช้จ่ายดอกเบี้ยปีนี้และปีหน้าขึ้นอีก 8.8% และ 24.4% ตามลำดับ เราคาดว่าผลสุทธิจาก equity income และดอกเบี้ยจ่ายที่เพิ่มขึ้นจะเป็นบวกตั้งแต่ปี 2564

Valuation & Action

เรายังคงคำแนะนำ ซื้อ และขยับไปใช้ราคาเป้ าหมาย DCF 1H63 ที่ 9.40 บาท ซึ่งยังเหลือ upside อีกถึง
42.4% แม้ว่าการเติบโตของธุรกิจหลักจะไม่น่าสนใจในปีนี้ แต่การเติบโตกำไรของธุรกิจหลักโดยเฉลี่ย
ในปี 2563-2565 จะอยู่ที่ 5% รวมถึงอัตราผลตอบแทนจากเงินปันผลที่ 3.8% ก็ยังสูงกว่าอัตรา
ผลตอบแทนจากเงินปันผลเฉลี่ยของกลุ่มโรงไฟฟ้ าที่ 2.5% ซึ่งเป็นโอกาสที่ดีในการเข้าซื้อ

Risks
ความล่าช้าในการจัดสรรกำลังการผลิตใหม่, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ, โรงไฟฟ้ าหยุดผลิต
ไฟฟ้ า, และความล่าช้าในการก่อสร้างโครงการใหม่