“หัวเว่ย”กดดันพนง.เร่งทำโปรเจคใหม่รับมือนโยบายกีดกันสหรัฐ

“หัวเว่ย”กดดันพนง.เร่งทำโปรเจคใหม่รับมือนโยบายกีดกันสหรัฐ

ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยแจ้งพนักงาน นโยบายของสหรัฐทำให้บริษัทอยู่ในภาวะ“อยู่”หรือ“ตาย” เรียกร้องพนักงานเร่งหาโปรเจคใหม่ๆทำ ใครทำไม่ได้จะถูกลดเงินเดือน และอาจตกงานในที่สุด หลังสหรัฐขยายเวลาแบน ‘หัวเว่ย’ ทำธุรกิจกับบริษัทอเมริกันออกไปอีก 90 วัน

นายเหริน เจิ้งเฟย ผู้ก่อตั้งและประธานคณะเจ้าหน้าที่บริหาร(ซีอีโอ)บริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ ส่งจดหมายเตือนถึงพนักงานทุกคนในบริษัทว่า ขณะนี้บริษัทกำลังอยู่ในช่วงความเป็นความตาย ขึ้นอยู่กับพนักงานที่จะเป็นผู้กำหนด พร้อมทั้งเรียกร้องให้พนักงานที่ยังมีทักษะความชำนาญน้อยตั้งหน่วยคอมมานโดเพื่อทำโครงการใหม่ๆ เพื่อรับมือกับผลกระทบจากนโยบายของสหรัฐ และพนักงานคนใดที่ทำไม่ได้จะถูกลดเงินเดือนในทุกๆสองหรือสามเดือน และอาจจะถูกไล่ออกในที่สุด

ข้อเรียกร้องของนายเหริน มีขึ้นหลังจากนายวิลเบอร์ รอส รัฐมนตรีพาณิชย์ของสหรัฐ แถลงยืนยันว่า สหรัฐได้ขยายเวลาการบังคับใช้คำสั่งห้ามการทำธุรกิจกับบริษัทหัวเว่ย ออกไปอีก 90 วัน หลังจากสหรัฐประกาศขึ้นบัญชีดำบริษัทหัวเว่ยตั้งแต่เดือนพ.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่า เป็นประเด็นเรื่องความมั่นคงแห่งชาติ แต่หลังจากนั้น ได้อนุญาตเป็นการชั่วคราวให้บริษัทสหรัฐยังคงทำธุรกรรมกับหัวเว่ยได้ ซึ่งคำสั่งดังกล่าวหมอายุดลงเมื่อวันที่ 19 ส.ค. ก่อนที่สหรัฐจะประกาศว่ามีการต่ออายุออกไปอีก 90 วัน

นายรอส กล่าวว่าบริษัทในเครือของหัวเว่ย 46 แห่งจะยังไม่ถูกนำไปใส่ในรายชื่อบัญชีของบริษัทที่ถูกทางการสหรัฐขึ้นบัญชีดำ ซึ่งจะทำให้บริษัทในสหรัฐไม่สามารถทำธุรกรรมกับบริษัทเหล่านี้ได้ เพื่อให้เวลากับหัวเว่ยและบริษัทสหรัฐปรับตัวให้เข้ากับนโยบายที่ประกาศไป ขณะเดียวกันการขยายเวลาดังกล่าวยังเป็นการช่วยเหลือผู้บริโภคในสหรัฐด้วย

อย่างไรก็ดี ความไม่แน่นอนจากการคว่ำบาตรของสหรัฐยังคงส่งผลกระทบต่อหัวเว่ย ซึ่งถึงแม้ในอนาคตหัวเว่ยอาจจะถูกถอดรายชื่อออกจากบัญชีดำของสหรัฐในท้ายที่สุด แต่ความวุ่นวายและปัญหาต่าง ๆ ที่หัวเว่ยต้องเผชิญก็ยังคงมีอยู่

หัวเว่ย สูญเสียส่วนแบ่งการตลาดสมาร์ทโฟนในระดับโลก โดยบริษัทคาดการณ์ว่า จะมียอดขายสมาร์ทโฟนน้อยลง 60 ล้านเครื่องในปี 2562 ขณะที่เมื่อเทียบกับปี 2561 หัวเว่ย มียอดขายเพิ่มขึ้นถึง 34% แตะที่ 206 ล้านเครื่อง ขณะที่ในไตรมาส 2 ของปีนี้ ซึ่งเป็นช่วงหลังจากที่หัวเว่ยถูกขึ้นบัญชีดำจากสหรัฐ ยอดการเติบโตของหัวเว่ยลดลง 8.3%

บริษัทหัวเว่ย ระบุว่า การที่สหรัฐขยายเวลาให้ซื้อสินค้าจากบริษัทอเมริกันได้อีก 90 วัน ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงที่ว่าบริษัทได้รับการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมได้ และว่าเป็นที่ชัดเจนว่าการที่สหรัฐตัดสินใจดังกล่าวในช่วงเวลาเฉพาะเช่นนี้เป็นเรื่องที่มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองและไม่เกี่ยวกับเรื่องความมั่นคงแห่งชาติแม้แต่น้อย การกระทำของสหรัฐละเมิดหลักการพื้นฐานเรื่องการแข่งขันอย่างเสรี ไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายใดรวมไปถึงบริษัทอเมริกัน การพยายามขัดขวางธุรกิจของหัวเว่ยจะไม่ช่วยให้สหรัฐบรรลุเป้าหมายเรื่องการเป็นผู้นำทางเทคโนโลยีได้

ด้านเอ็นทีที โดโคโม อิงค์ ค่ายมือถือยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่น ประกาศว่า บริษัทจะกลับมาเปิดรับคำสั่งซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นใหม่ของบริษัทหัวเว่ย เทคโนโลยีส์ อีกครั้ง ซึ่งความเคลื่อนไหวนี้มีขึ้น หลังเอ็นทีที โดโคโม ซึ่งเป็นผู้ให้บริการรายใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นเมื่อวัดจากจำนวนผู้ใช้ ระงับการสั่งซื้อสมาร์ทโฟนหัวเว่ย พี30 โปร ตั้งแต่ช่วงปลายเดือนพ.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากสหรัฐ ประกาศขึ้นบัญชีดำหัวเว่ยด้วยเหตุผลด้านความมั่นคง โดยเอ็นทีที โดโคโม จะเริ่มรับคำสั่งซื้อสมาร์ทโฟนรุ่นดังกล่าวอีกครั้งในวันพุธ (21ส.ค.)โดยจะวางขายในเดือนก.ย.

โฆษกเอ็นทีที โดโคโม กล่าวว่า “เราได้สำรวจผลกระทบที่ข้อจำกัดการค้าของสหรัฐมีต่อหัวเว่ย แต่ได้ยืนยันว่าลูกค้าของเราสามารถใช้ผลิตภัณฑ์ของหัวเว่ยได้อย่างปลอดภัยในตอนนี้”

สำนักข่าวเกียวโดรายงานว่า คู่แข่งรายสำคัญของเอ็นทีที โดโคโม อย่างซอฟท์แบงค์ และ เคดีดีไอ คอร์ป ก็วางขายสมาร์ทโฟนหัวเว่ยพี30 ไปแล้วเมื่อวันที่ 8 ส.ค. หลังจากเลื่อนออกมาจากแผนเดิมที่จะวางขายในเดือนพ.ค. โดยทั้งสองต่างยืนยันว่า สมาร์ทโฟนของหัวเว่ยจะสามารถใช้บริการของกูเกิล รวมถึงระบบปฏิบัติการแอนดรอยด์ได้