จำคุก 7 ปี 'ศุภชัย' ยักยอกสหกรณ์คลองจั่น

จำคุก 7 ปี 'ศุภชัย' ยักยอกสหกรณ์คลองจั่น

ศาลฎีกา พิพากษายืนจำคุก 7 ปี "ศุภชัย" ยักยอกสหกรณ์คลองจั่น

เมื่อวันที่ 20 ส.ค.62 ที่ห้องพิจารณา 711 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลอ่านคำพิพากษาฎีกาคดียักยอกทรัพย์สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น สำนวนแรกในคดีหมายเลขดำ อ.1739/2558 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ 4 เป็นโจทก์ฟ้องนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อายุ 62 ปี อดีตประธานกรรมการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น เป็นจำเลย ในความผิดฐานยักยอกทรัพย์ผู้อื่น และจัดการทรัพย์สินผู้อื่นโดยทุจริตในฐานะเป็นผู้มีอาชีพหรือธุรกิจอันย่อมเป็นที่ไว้วางใจของประชาชน ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352, 353 , 354

โดยอัยการโจทก์ ยื่นฟ้องเมื่อวันที่ 18 พ.ค.58 ระบุความผิดสรุปว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย.56 สหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด จัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2555 และที่ประชุมมีมติเลือกนายศุภชัย จำเลย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์ชุดที่ 29 อยู่ในตำแหน่ง 2 ปี ต่อมานายทะเบียนสหกรณ์ได้ตรวจสอบพบว่าการเรียกประชุมใหญ่ไม่เป็นไปตามข้อบังคับและกฎหมาย นายทะเบียนจึงมีหนังสือลงวันที่ 23 เม.ย.56 ไม่รับรองตำแหน่งประธานกรรมการจากการประชุมดังกล่าว ต่อมาสหกรณ์ยูเนี่ยนฯ ได้ประชุมใหญ่วิสามัญและมีมติให้การรับรองนายศุภชัย จำเลย เป็นประธานกรรมการดำเนินการสหกรณ์อีกครั้ง และยังเปิดประชุมคณะกรรมการดำเนินการชุดที่ 2 สมัยสามัญ ครั้งที่ 1/2556 และมีมติแต่งตั้งนายศุภชัย จำเลย ปฏิบัติหน้าที่ผู้จัดการสหกรณ์ฯ อีกตำแหน่งด้วย

กระทั่งวันที่ 10 เม.ย. - 8 ต.ค.56 จำเลย ซึ่งเป็นประธานกรรมการสหกรณ์ยูเนี่ยนคลองจั่นฯ ได้กระทำการทุจริต โดยให้เจ้าหน้าที่บัญชีเบิกเงินสดของสหกรณ์ ผู้เสียหาย หลายครั้งหลายหนรวม 8 ครั้งๆ ละระหว่าง 184,000-6,000,000 บาท รวม 22,132,000 บาทเข้าบัญชีของจำเลย หรือบุคคลที่ 3 โดยทุจริต เหตุเกิดที่ทำการสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น แขวงคลองจั่น เขตบางกะปิ กทม. โดยจำเลยให้การปฏิเสธ แต่ในชั้นพิจารณา จำเลยขอกลับคำให้การจากปฏิเสธ เป็นให้การรับสารภาพ และศาลชั้นต้น จึงมีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 8 มี.ค.59 ว่าการกระทำของจำเลย เป็นความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 352 วรรคแรก ฐานยักยอกทรัพย์ , ฐานเป็นผู้ได้รับมอบหมายจัดการทรัพย์สินฯกระทำการทุจริตต่อหน้าที่โดยทำให้เกิดความเสียหายกับทรัพย์สินนั้น มาตรา 353 , ฐานกระทำผิดในฐานะผู้จัดการทรัพย์สิน มาตรา 354 ซึ่งเป็นความผิดหลายกรรมต่างกัน ให้จำคุกทั้งสิ้น 8 กระทงๆ ละ 3 – 5 ปี จำเลยรับสารภาพ ศาลล งดโทษให้กึ่งหนึ่ง จึงจำคุกไว้ 14 ปี 24 เดือน

 

แต่เมื่อพิเคราะห์พฤติการณ์แห่งคดีแล้วเห็นว่านับเป็นเรื่องร้ายแรง โทษจำคุกจึงไม่มีเหตุให้รอลงอาญา ต่อมาจำเลย ยื่นอุทธรณ์ ขอให้ศาลลดโทษ หรือลงโทษสถานเบา ซึ่งระหว่างการอุทธรณ์ ฝ่ายจำเลยได้นำแคชเชียร์เช็คชดใช้เงินคืนกับสหกรณ์ฯผู้เสียหาย ทั้งเงินต้นและดอกเบี้ย ประมาณ 27 ล้านบาทเศษ

ขณะที่ "ศาลอุทธรณ์" มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 14 ก.ย.60 แก้เป็นว่า จำเลยมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 353, 354 รวม 8 กระทงๆ ละ 1-2 ปี เป็นจำคุก 14 ปี ซึ่งจำเลยให้การรับสารภาพ จึงลดโทษให้กึ่งหนึ่ง คงจำคุก 7 ปี โดยระหว่างพิจารณาคดี "นายศุภชัย" อดีต ปธ.สหกรณ์คลองจั่น จำเลย ซึ่งถูกคุมขังจากเรือนจำ และคดีสำนวนอื่นฐานฉ้อโกงประชาชน กับร่วมกันฟอกเงินทุจริตสหกรณ์คลองจั่นอีกด้วย

ซึ่งวันนี้ศาลเบิกตัว "นายศุภชัย" จำเลย มาจากเรือนจำพร้อมฟังคำพิพากษาศาลฎีกา ซึ่ง "ศาลฎีกา" ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว เห็นว่า ฎีกาของจำเลยนั้นฟังไม่ขึ้น โดยศาลล่างได้วินิจฉัยเหตุผลต่างๆ ไว้เรียบร้อยแล้ว ที่ศาลล่างพิพากษามานั้นชอบแล้ว พิพากษายืนตามศาลอุทธรณ์ ให้จำคุกจำเลย 7 ปี ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังอ่านคำพิพากษาฎีกาซึ่งซึ่งผลถึงที่สุดแล้ว เจ้าหน้าที่ราชทัณฑ์ก็ได้ควบคุมตัวนายศุภชัย ไปคุมขังยันเรือนจำ เวลาผมตามคำพิพากษาต่อไป อย่างไรก็ดีนายศุภชัยยังคงมีคดีอาญาที่ อยู่ระหว่างการ พิจารณาของศาลอีกหลายสำนวน ทั้งในข้อหาร่วมกันฉ้อโกงประชาชนและร่วมกันฟอกเงินทุจริตสหกรณ์คลองจั่น