ขึ้นในกรอบจำกัด

ขึ้นในกรอบจำกัด

ดัชนีวานนี้ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคและดัชนีดาวโจนส์ หลังคลายความกังวลภาวะ Inverted Yield Curve

และการผ่อนปรนหัวเว่ยไปอีก 90 วัน ช่วงคลายความกังวลสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ประกอบกับตลาดยังจับตาการประชุมของครม.ประเด็นมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,637.26 จุด (+5.86 จุด) Volume 5.8 หมื่นลบ. ต่างชาติ -4.1 พันลบ. TFEX Net -1,727 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -2,548 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 249.78 จุด +0.96% จากข่าวจีนและเยอรมนีออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ รวมทั้งอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น และสหรัฐขยายเวลาอนุญาตให้บริษัทหัวเว่ยซื้อสินค้าจากบริษัทสหรัฐได้อีก 90 วัน

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.34 ดอลลาร์ +2.44% ปิด 56.21 ดอลลาร์/บาร์เรล หลังมีรายงานว่ากลุ่มกบฎฮูตีของเยเมนใช้โดรนโจมตีบ่อน้ำมันทางตะวันออกของซาอุดีอาระเบีย

+ปธน.ทรัมป์กดดันเฟดหั่นดอกเบี้ย 1% พร้อมรื้อฟื้นโครงการ QE

+รมว.พาณิชย์สหรัฐแสดงความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจ แม้เกิดภาวะ inverted yield curve

+ คาดที่ประชุมครม.ออกมาตรการกระตุ้นศก.ชุดใหญ่ดัน GDP ให้ถึง 3%

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 1.6 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.85 บาท/US

-สภาพัฒน์รายงาน GDP ไตรมาส 2/62 โต 2.3% ครึ่งแรกปี 62 โต 2.6% ปรับลดคาดการณ์ GDP ปี 62 เหลือ 2.7 - 3.2% จากเดิม 3.3 – 3.8%

*จับตาการประชุมครม.อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และเยอรมนีเผยดัชนี PPI เดือน ก.ค.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้นต่อตามทิศทางตลาดต่างประเทศ จากการที่ธนาคารกลางจีนได้ประกาศใช้แผนที่ทำให้ต้นทุนกู้ยืนเอกชนต่ำลง ประกอบกับรัฐบาลเยอรมันมีแผนใช้เงิน 5 หมื่นล้านยูโร เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และมีแรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐดีดตัวขึ้น ส่วนปัจจัยในประเทศติดตามการเสนอมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจให้ครม.พิจารณาวันนี้ คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,630-1,645 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC),หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN),หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการผ่อนปรนเกณ์ LTV (AP QH LH SPALI),หุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ (ERW CENTEL AOT BJC CPALL TNP)

หุ้นรายงานพิเศษ

BCH Analyst Meeting ราคาปิด 15.7 บาท Bloomberg Consensus 19.23 บาท

(+)มุมมองบวก คาดว่าแนวโน้ม 3Q62 จะเติบโตดี YoY QoQ 1) เข้าสู่ช่วง High Season 2) รพ. WMC ยังเติบโตแข็งแกร่งจากกลุ่มลูกค้าต่างชาติ และมีการย้ายศูนย์โรคเบาหวานมายังชั้นล่างเพื่อเพิ่มพื้นที่อำนวยความสะดวก นอกจากนี้ ปลาย 3Q62 เตรียมเปิดศูนย์เด็กหลอดแก้ว ( IVF) 3) คาดว่า EBITDA รพ.เกษมราษฎร์รามคำแหง จะเริ่มเป็นบวก และ 4) รับรู้รายได้ตกเบิกจากประกันสังคมอีกราว 50-60 ลบ. (หักภาษีแล้ว) ขณะที่แนวโน้มทั้งปี ผบห. ยังเชื่อมั่นรายได้เติบโตได้ถึง 2 digit และคาดว่าจำนวนผู้ขอโควต้าประกันสังคมในปีนี้จะโตราว 10% สู่ 8.8 แสนคน ทั้งนี้ Bloomberg Consensus คาดกำไรทั้งปี 1,218 ลบ. +11.8%YoY

(+) ต้นปี 63 มีลุ้นปรับค่ารักษากลุ่มผู้ป่วยประกันสังคม หลังจากกลุ่มสมาคม รพ.เอกชน เรียกร้องขอปรับขึ้นค่ารักษาเฉลี่ยราว 15% แต่ยังไม่มีข้อสรุป โดย BCH มีสัดส่วนรายได้จากกลุ่มลูกค้าประกันสังคมราว 34% ของรายได้รวม

 

หุ้นมีข่าว   

ORI Analyst Meeting (แนะนำถือ ราคาเหมาะสม Bloomberg Consensus 10.24 บาท)

·      กำไรสุทธิ 2H62 มีแนวโน้มดีกว่า 1H62 ที่มีกำไรสุทธิ 1,458 ล้านบาท -3% จากแผนโอนโครงการแนวราบและคอนโดฯสร้างเสร็จโดยมี backlog ราว 7 พันลบ.รวมคิดเป็น 76% ของเป้ารายได้ 1.7 หมื่นลบ.

·      สัดส่วนรายได้ประจำมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น เดือนพ.ย.เปิดบริการโรงแรม 2 แห่งที่ทองหล่อและศรีราชา

·      การมี JV รวม 3 รายรวมทั้งเพิ่มพอร์ตโครงการแนวราบช่วยลดความเสี่ยงในการพัฒนาโครงการและความต้องการใช้เงินลงทุน

·      IAA consensus คาด yield เฉลี่ย 6.2% น่าลงทุนยาวรับเงินปันผล

JKN Analyst Meeting (แนะนำซื้อ ราคาเหมาะสม 10 บาท)

·      แนวโน้มผลการดำเนินงานถูกกดดันจากคชจ.ในการจัดงาน Mega Show Case ใน Q3 และรายได้ขายคอนเทนท์ซีรีส์ใน Q4 โดยมีอัพไซต์ในช่วงครึ่งปีหลังได้จากการไปโรดโชว์ขายคอนเทนท์ในต่างประเทศ และรายการใหม่ของช่อง JKN-CNBC ที่จะออกอากาศเพิ่มเติม  เบื้องต้นฝ่ายวิจัยยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 62 ที่ราว 300 ล้านบาท เติบโต 32%YoY 1H62 มีกำไร 150 ล้านบาท คิดเป็น 50% ของประมาณการทั้งปี

·      (+) BEC (Bloomberg Consensus 9.50 บาท)  กำหนดยุติออกอากาศช่อง 3SD และ 3Family วันที่ 1 ต.ค.62 พร้อมรับเงินชดเชย 842.62 ลบ.(ที่มา อินโฟวเควส์)

·      MINT (Bloomberg Consensus 44.97 บาท) จ่อรับทรัพย์ขายโรงแรมทิโวลี 3 แห่งในโปรตุเกส บุ๊กกำไร 2,100 ล้านบาทภายในไตรมาส 3/2562 นี้ เล็งนำเงินใช้หนี้เงินกู้ หวัดลด D/E ลดลงมาอยู่ที่ 1.55 เท่า ด้านธุรกิจโรงแรมการเติบโตโดดเด่น เดินหน้าเปิดให้บริการโรงแรมลงทุนเอง-รับบริหารตามเป้า 33 แห่ง ขณะที่ธุรกิจอาหารเดินหน้าผุดสาขาใหม่ทั้งในและต่างประเทศเพิ่ม มั่นใจผลงานปี 2562 โตไม่น้อยกว่า 10% (ที่มา ทันหุ้น)

·      KTC (Bloomberg Consensus 42.73 บาท) มั่นใจผลงานปี 2562 ทำนิวไฮ โตไม่น้อยกว่า 10-15% ตามพอร์ตลูกค้าหนี้ที่ขยายตัว ชี้ครึ่งปีหลัง 2562 โตดีกว่าครึ่งปีแรก เตรียมเปิดตัว 3 โปรดักต์สินเชื่อใหม่ สินเชื่อรถยนต์เป็นประกัน สินเชื่อพิโกและนาโนไฟแนนซ์ ขณะที่ไตรมาส 3/2562 ยังเด่นรับไฮซีซัน ยอดใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตพุ่ง (ที่มา ทันหุ้น)

·      WHAUP (Bloomberg Consensus 7.89 บาท) มั่นใจรายได้ปีนี้มากกว่าปีก่อน คาดปริมาณขายน้ำทะลุเป้า 120 ล้านลบ.ม. จากดีมานด์ใช้น้ำเติบโตแรง คาดรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการลงทุนโครงการน้ำประปาเวียดนามไตรมาส 4/2562 นี้ เผยโครงการโซลาร์รูฟท็อปเซ็นสัญญาลูกค้าทะลุเป้า 15 เมกะวัตต์แล้ว มั่นใจปี 2565 แตะ 100 เมกะวัตต์ พร้อมศึกษาซื้อโซลาร์เวียดนามเสริมแกร่ง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      SABINA (Bloomberg Consensus 36.44 บาท) เดินหน้าทำผลงานครึ่งปีหลัง 2562 จ่อออกสินค้าใหม่อัพยอดขาย พร้อมรุกตลาดออนไลน์ เปิดทางรับทรัพย์และยังมีโอกาสขยายตัวเพิ่มสูงขึ้น มั่นใจรายได้ปี 2562 เติบโตที่ 10% โชว์งบครึ่งปีแรก 2562 มีกำไรสุทธิ 200 ล้านบาท คิดเป็น 13.7% จากปีก่อน อยู่ที่ 175.8 ล้านบาท แถมจ่ายปันผลระหว่างกาลในอัตราหุ้นละ 0.57 บาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      UAC เผยครึ่งปีหลังเตรียมบุ๊กรายได้บริษัทร่วมทุนเข้ากระเป๋าเต็มๆ หลังรัฐหนุนเพิ่มสัดส่วนไบโอดีเซล ส่วนธุรกิจเทรดดิ้งฟื้นชัด Q4/62 พร้อมลุยสยายปีกกลุ่ม CLMV ปักธงรายได้ทั้งปีเฉียด 3 พันล้านบาททุบสถิติใหม่ (ที่มาทันหุ้น)

·       (+) BEM (Bloomberg Consensus 11.80 บาท)  คมนาคม หารือสรุปปัญหาข้อพิพาท กทพ.-BEM ราว 26 ส.ค.ก่อนส่ง"ศักดิ์สยาม"ชงเข้า ครม.(ที่มา อินโฟวเควส์)

·      (+/-) PTT (Bloomberg Consensus 51.75 บาท)  เข้าซื้อกิจการ 2 บ.ถ่านหินในอินโดนีเซีย มูลค่ารวม 11.7 ล้านเหรียญฯ เพื่อรักษาปริมาณสำรอง-คุณภาพถ่านหิน(ที่มา อินโฟวเควส์)