‘บีทีเอส’ขยายแนวรบธุรกิจ ทุ่มพันล้านซื้อหุ้น‘อาร์เอส’

‘บีทีเอส’ขยายแนวรบธุรกิจ ทุ่มพันล้านซื้อหุ้น‘อาร์เอส’

“บีทีเอส” ลุยซื้อหุ้น “อาร์เอส” ถือ 7% สร้างปรากฎการณ์ใหม่ ขยายธุรกิจในแนวราบ ต่อยอดธุรกิจเดิมผ่านหลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) พร้อมเตรียมผุดโปรเจ็คใหม่ เพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน ผลักดันรายได้ของกลุ่มอาร์เอสก้าวสู่ระดับหมื่นล้านในปี 2565

    วานนี้(19 ส.ค.) มีการรายงานการซื้อขายบนกระดานรายใหญ่ (Big Lot) ซึ่งเป็นการซื้อขายหุ้น บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) หรือ RS จำนวน 3 รายการ 70 ล้านหุ้น ที่ราคาหุ้นละ 15 บาท รวมมูลค่า 1,050 ล้านบาท โดยผู้ทำรายการเข้าซื้อ คือ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS


     นายกวิน กาญจนพาสน์ กรรมการบริหารและกรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้ง จำกัด (มหาชน) หรือ BTS กล่าวว่า BTS ได้เข้าซื้อหุ้น RS ประมาณ 7% เพราะเล็งเห็นถึงศักยภาพธุรกิจที่จะเติบโตร่วมกันในอนาคต และยังเป็นการลงทุนเพื่อสร้างพันธมิตรทางธุรกิจเอื้อกับทั้งสองฝ่าย ที่ผ่านมาทางบีทีเอสมีเงินลงทุนที่ใช้สำหรับหาผลตอบแทนอยู่แล้ว ประมาณ 2,000 ล้านบาท และล่าสุดพึ่งขายหุ้นบริษัท วีจีไอ จำกัด (มหาชน) หรือ VGI ออกมามีเงินสด 5,000 ล้านบาท ดังนั้นหากมีธุรกิจไหนที่เห็นแล้วว่าสามารถสร้างการเติบโตจะเข้าไปลงทุนในลักษณะพันธมิตร (strategic partner)
      “การเข้าถือหุ้นในอาร์เอสครั้งนี้ ถือเป็นการเข้าลงทุนเชิงกลยุทธ์ เพื่อเป็นการสร้างพันธมิตรทางธุรกิจในระยะยาว โดยบีทีเอสมีแพลตฟอร์มที่สามารถเชื่อมและเพิ่มศักยภาพทางธุรกิจกับอาร์เอสได้เป็นอย่างดี ประกอบด้วยแพลตฟอร์มการเดินทาง ซึ่งปัจจุบันเราให้บริการผู้โดยสารถึงเกือบ 1 ล้านเที่ยวคนต่อวัน และคาดว่าจะสามารถเพิ่มเส้นทางให้บริการจาก 48.9 กม. ในปัจจุบัน เป็น 133.4 กม. ภายในปี 2564 และ VGI บริษัทในกลุ่ม ซึ่งมี 3 แพลตฟอร์มหลัก ได้แก่ 1) ธุรกิจสื่อโฆษณานอกบ้านที่มีมูลค่าสื่อกว่า 12,000 ล้านบาท 2) ธุรกิจบริการชำระเงินผ่านแรบบิท กรุ๊ป มีผู้ใช้กว่า 18 ล้านคน และ 3) ธุรกิจโลจิสติกส์ที่เข้าถึงผู้บริโภคโดยตรง ได้กว่า 1.2 ล้านคนต่อวัน”

     ด้าน นายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อาร์เอส จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้เป็นปีที่มีความสำคัญและมีความหมายสำหรับอาร์เอสมาก เพราะถือเป็นจุดเปลี่ยนของธุรกิจกว่า 35 ปี ด้วยการก้าวเข้าสู่ธุรกิจการพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ ถือเป็นการเริ่มต้น ‘ยุคใหม่’ ภายใต้ Business Model ใหม่ ด้วยธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) สร้างธุรกิจในลักษณะ D to C (Direct to Customer) เป็นการสร้างโอกาสจากการบริหารธุรกิจดั้งเดิมอย่างมิวสิคสู่ธุรกิจมีเดียที่แข็งแรงและมีความชำนาญ พร้อมต่อยอดแพลตฟอร์มหน้าจอช่อง 8 เป็นแพลตฟอร์ม จนสามารถสร้างรายได้และผลกำไรของบริษัทให้เติบโตอย่างต่อเนื่อง 

   ขณะที่ปัจจุบันอาร์เอสได้โฟกัสในธุรกิจ Multi-platform Commerce (MPC) ที่สามารถเข้าถึงลูกค้ากว่า 1.2 ล้านคน ซึ่งตอบโจทย์ด้วยสินค้าคุณภาพระดับโลกด้วยยอดขายกว่า 2,100 ล้านบาทต่อปี โดยเราเชื่อว่าการลงทุนครั้งนี้จะช่วยเกื้อหนุนและต่อยอดธุรกิจระหว่างกลุ่มบีทีเอสและอาร์เอส ให้แข็งแรงยิ่งขึ้น นอกจากนี้ยังเป็นการสร้างโอกาสทางธุรกิจใหม่ที่จะเกิดขึ้นบนแพลตฟอร์มของทั้งสองบริษัทอีกด้วย
   บริษัทยังคงมุ่งมั่นดำเนินการตามวิสัยทัศน์ในการสร้างการเติบโตแบบก้าวกระโดดและความแข็งแรงให้กับองค์กรในระยะยาว จึงเปิดกว้างเปิดรับพันธมิตรใหม่ที่จะเข้ามาช่วยขยายธุรกิจในแนวราบ เพิ่มโอกาสในการเข้าถึงลูกค้ากลุ่มใหม่ๆ ซึ่งการจับมือและเปิดให้บีทีเอส ผู้ให้บริการระบบรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนขนาดใหญ่ รวมถึงศักยภาพของบริษัทในกลุ่มอย่าง VGI ผู้นำ Offline-to-Online Solutions บนแพลตฟอร์มธุรกิจสื่อโฆษณา ธุรกิจบริการชำระเงิน และธุรกิจโลจิสติกส์ จะเสริมศักยภาพ (Synergy) ทางธุรกิจ เป็นการผสาน จุดแข็งของสองบริษัทที่เป็นผู้นำในแต่ละอุตสาหกรรม เชื่อมโยงฐานข้อมูลลูกค้า ตอกย้ำความมั่นใจให้กับผู้บริโภคในการเข้าถึงสินค้าและบริการต่างๆ อย่างมีประสิทธิภาพ นำไปสู่การขยายฐานรายได้ของบริษัท อาร์เอส ให้เติบโตสู่เป้าหมาย 1 หมื่นล้าน ในปี 2565 ตามแผนที่วางไว้ได้อย่างแน่นอน
    
   “การเข้าถือหุ้นของกลุ่มบีทีเอสในครั้งนี้ นับเป็นมิติใหม่ของการจับมือพันธมิตรต่างขั้ว เพื่อแตกไลน์ต่อยอดสร้างโปรเจ็คใหม่ของทั้ง 2 ฝ่าย พร้อมรองรับการขยายธุรกิจพาณิชย์หลายช่องทาง Multi-platform Commerce (MPC) ให้มีศักยภาพเหนือคู่แข่งขันและเพิ่มฐานรายได้เติบโตอย่างก้าวกระโดดสู่เป้าหมายได้เร็วยิ่งขึ้น และบริษัทอาร์เอสยังคงรักษาพันธกิจในการทำงานตามวิสัยทัศน์ Horizontal Integration สร้างการเติบโตแนวราบ เปิดโอกาสทำธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ใหม่ๆ ในอนาคตอย่างต่อเนื่อง" นายสุรชัย กล่าวทิ้งท้าย


    ทั้งนี้ ภายหลังการเข้าถือหุ้นของ บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) สำหรับการเป็นพันธมิตรทางธุรกิจนั้น จะไม่ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงใดๆ ต่อการบริหารงานของบริษัท รวมถึงโครงสร้างการถือหุ้นของนายสุรชัย เชษฐโชติศักดิ์ ประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ยังคงเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่อันดับ 1 เช่นเดิม