รองนายกฯมอบอว.ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย

รองนายกฯมอบอว.ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย

“สมคิด” มอบนโยบายกระทรวงอว.เร่งพัฒนากำลังคน ดึงนักลงทุนต่างชาติเข้าไทย พร้อมจับมือเอกชนทำงานด้านวิทยาศาสตร์ ส่งเสริมนวัตกรรมคู่กับผู้ประกอบการ ย้ำขอให้มีทางออกชัด รัฐบาลพร้อมสนับสนุนถ้าไม่ทำจะไม่ได้รับงบประมาณ

วันนี้ (19 ส.ค.62) ที่สำนักงานปลัดกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม(อว.) นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี เข้าร่วมการประชุมตรวจเยี่ยมกระทรวงอว. ซึ่งมีนายสุวิทย์ เมษินทรีย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง อว. เป็นรองประธาน สภาอุตสาหกรรม ที่ประชุมอธิการบดีแห่งประเทศไทย(ทปอ.) ที่ประชุมอธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฎ (ทปอ.มรภ.)และที่ประชุมคณะกรรมการอธิการบดีมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคล (ทปอ.มทร.) สมาคมสถาบันอุดมศึกษาเอกชนแห่งประเทศไทย(สสอท) และผู้บริหารอว.

นายสมคิด กล่าวมอบนโยบายในการดำเนินงานกระทรวง อว. ตอนหนึ่งว่าอว. มีภารกิจหลักในการสร้างกำลังคน ให้ตรงตามความต้องการ พัฒนางานวิจัยและนวัตกรรม ซึ่งรัฐบาลเน้น อุตสาหกรรมเป้าหมาย 12 S-Curve ธุรกิจสตาร์ตอัพ ที่ต้องผลิตให้ได้ ตรงนี้เป็นเรื่องที่มหาวิทยาลัยต้องไปคิด ว่าจะผลิตอะไรได้บ้าง ในสัดส่วนเท่าไร ทั้งในระบบผลิตได้กี่คน นอกระบบผลิตได้กี่คน ขณะที่สภาอุตสาหกรรมและสภาหอการค้าฯ จะต้องทำงานร่วมกันบอกความต้องการกำลังคนในแต่ละสาขาว่า ต้องการจำนวนเท่าไร เพื่อมหาวิทยาลัยจะได้ผลิตได้ถูกทาง โดยขอให้ร่วมกับภาคอุตสาหกรรมและภาคเอกชน ทำงานร่วมกัน มหาวิทยาลัยชั้นนำที่มีศักยภาพอยู่แล้ว อย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย มหาวิทยาลัยมหิดล (มม.) จะต้องเป็นความหวัง ขณะที่มรภ. อยากให้เน้นเรื่องการท่องเที่ยวและการเกษตร เพราะเป็นอนาคตของประเทศ ขณะที่มหาวิทยาลัยเอกชนเอง ก็สามารถของบจากรัฐได้หากผลิต และทำวิจัยในสาขาที่เป็นความต้องการของประเทศ

รองนายกฯ กล่าวต่อว่าอยากให้อุดมศึกษาและหน่วยงานในอว.ได้ร่วมกันหาSolution หรือทางออก วิธีการแก้ปัญหาในเรื่องต่างๆแล้วนำเสนอมายังรัฐบาล เพราะเข้าใจว่ามีหลายเรื่องที่ต้องปรับเปลี่ยน โดย 2 ประเด็นหลักๆ ที่อยากให้เร่งดำเนินการแก้ไข คือ 1. เรื่องของคน การเพิ่มสมรรถนะ ศักยภาพของคนต้องเร่งดำเนินการ เพราะ 4-5 ปีที่ผ่านมา มีการแข่งขันสูง และตอนนี้หลายประเทศกำลังมีปัญหาภายใน จึงถือเป็นโอกาสที่สถานประกอบการต่างๆอาจจะย้ายฐายการผลิตมาประเทศไทยมากขึ้น ดังนั้น ถ้าเขาคิดจะย้ายสิ่งที่ประเทศนั้นๆ ต้องมีข้อเสนอหรือ offer ทั้งด้านคน และทรัพยากรอื่นๆ โดยเฉพาะไม่มีการ offer ด้านคน คนไม่มีสมรรถนะตามที่เขาต้องการ เมื่อมาตั้งโรงงานในไทย เขาไม่สามารถขยายตัวได้ เขาก็คงไม่มา เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยากขอร้องให้ต้องแก้ไขให้ได้

2. กระทรวง อว.เป็นกระทรวงที่ใหญ่ และเป็นเรื่องแปลกที่มีการใช้อุดมศึกษานำหน้าวิทยาศาสตร์ ทั้งที่ประเทศไทยไม่มีวิทยาศาสตร์นำหน้า ประเทศนั้นจะตกโลก แต่ตอนนี้จะเรียกอะไรก็คงไม่สำคัญ อยากให้กระทรวงอว.นำด้านวิทยาศาสตร์เป็นพื้นฐาน และสนับสนุนภาคเอกชน อย่าทำแล้วเก็บไว้เหมือนที่ผ่านมา เพราะอุดมศึกษาคิดอะไรไว้มากมายแต่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ เรื่องนี้อยากให้กระทรวงอว.เป็นตัวหลัก และดึงต่างประเทศเข้ามามีส่วนร่วม อย่าคิดว่าทุกอย่างต้องเป็นคนไทยคิด ต้องยอมรับว่าคนของเรายังสู้ต่างประเทศไม่ได้ ต้องดึงเขาเข้ามามีส่วนร่วม และเราพัฒนาต่อยอด เพราะอนาคต คือนวัตกรรมกับผู้ประกอบการ หรือ Startup ซึ่งถ้ามีแต่นวัตกรรมไม่มีผู้ประกอบการจะไปแข่งขันได้อย่างไร นักวิชาการต้องคอยช่วยเหลือให้ความรู้ ผู้ประกอบการณ์ และหน่วยงานต่างๆ ต้องสนับสนุนเด็กใหม่ คนรุ่นใหม่ที่คิดค้นนวัตกรรม

“อยากให้ทุกมหาวิทยาลัยเน้นเรื่องการสร้างจิตสำนึกให้แก่เด็ก ทั้งในเรื่องของสิ่งแวดล้อม การใช้ชีวิต และถ้าเอกชนอยากเข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างจิตสำนึกเด็กต้องเปิดให้เข้าร่วม เพราะต้องยอมรับว่าคนไทยไม่มีวินัย มหาวิทยาลัยต้องสร้างคนรุ่นใหม่ให้มีจิตสำนึกที่ดี และมีวินัย คนรุ่นใหม่เขาต้องการเปลี่ยนแปลง อย่ามองว่าเด็กรุ่นใหม่ต่อต้าน จริงๆ เด็กมีความคิดอยากให้ดีขึ้น เรามีหน้าที่อธิบายให้เด็กเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร และต้องทำให้เด็กรู้ ไปในทิศทางที่ถูกต้อง เข้าใจว่าเมืองไทยไม่ได้ง่ายเหมือนประเทศอื่น แต่ถ้าร่วมกัน ขอให้มีโซลูชั่น รัฐบาลพร้อมสนับสนุน และถ้ากระทรวงอว.ไม่ได้ทำสิ่งที่ผมว่าจะไม่ได้รับงบประมาณ” นายสมคิด กล่าว