TRUE - ถือ

TRUE - ถือ

ต้นทุน และ SG&A ที่ลดลงช่วยหนุนผลประกอบการ 1H62

Event

งานประชุมนักวิเคราะห์ 2Q62 และปรับประมาณการกำไรปี 2562-63

lmpact

ผลประกอบการ 1H62 ได้แรงหนุนจากต้นทุน และ SG&A ที่ลดลง

กำไรสุทธิของ TRUE ใน 1H62 อยู่ที่ 2.5 พันล้านบาท (รวมกำไรพิเศษ 2.1 จาก F/X และรายได้จากรายการภาษี) แต่หากไม่รวมรายการพิเศษ กำไรหลักใน 1H62 จะอยู่ที่ 0.4 พันล้านบาท จากที่ขาดทุนหลัก 1.8 พันล้านบาทใน 1H61 ถึงแม้ว่ารายได้ (ไม่รวมรายได้จากการขายสินทรัพย์ออกไปให้กับ บมจ.กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคม ดิจิทัล (DIF.BK/DIF TB) จะลดลง 2% YoY เหลือ 6.65 หมื่นล้านบาทใน 1H62 แต่บริษัทพลิกกลับมามีกำไรได้เนื่องจากต้นทุนขายเครื่องมือถือลดลง และค่าใช้จ่ายในการขายและบริหารลดลง 23% YoY จากการนำมาตรฐานบัญชีใหม่ (IFRS 15) มาใช้

สถานะการเงินอ่อนแอลง

ณ สิ้นงวด 1H62 หนี้สินของ TRUE อยู่ที่ 3.86 แสนล้านบาท (+10% YoY) ในขณะที่ส่วนทุนลดลง 13% เหลือ 1.23 แสนล้านบาท เนื่องจากมีการปรับปรุงกำไรสะสมเพื่อให้เป็นไปตามมาตรฐาน IFRS 15 และมีการจ่ายเงินปันผลออกไปในเดือนพฤษภาคม 2562 การที่หนี้สินเพิ่มขึ้นในขณะที่ส่วนทุนลดลงส่งผลให้สถานะทางการเงินอ่อนแอลง โดยสัดส่วน D/E เพิ่มขึ้นเป็น 3.1x ใน 1H62 จาก 2.5x เมื่อ 1H61 นอกจากนี้ บริษัทยังมีภาระผูกพันตามสัญญาเช่าดำเนินงาน อีกประมาณ 9.3 หมื่นล้านบาทซึ่งจะต้องบันทึกเข้าในงบดุบหลังจากนำมาตรฐานรายงานทางการเงินใหม่ (IFRS 16) มาในปี 2563 ซึ่งจะกดดันสถานะทางการเงินให้แย่ลงเพราะจะทำให้ยอดหนี้สินเพิ่มขึ้น

ปรับประมาณการปี 2562-63 เพื่อสะท้อนผลประกอบการ 1H62

เพื่อสะท้อนถึงผลประกอบการ 1H62 เราได้ปรับประมาณการปี 2562-63 ด้วยการ i) ปรับลดประมาณการรายได้ปี 2562-63 ลง 7% - 8% จากการปรับลดฐานลูกค้า แต่ปรับเพิ่ม ARPU ii) ปรับลดต้นทุนปี 2562 และ 2563 ลงปีละ 3% จากการปรับลดสมมติฐานค่าใช้จ่ายโครงข่าย และ iii) ปรับลดอัตราส่วนค่าใช้จ่ายในการขายและบริหาร/ยอดขายปี 2562 ลง 3.5% และปี 2563 ลง 0.4% ซึ่งหลังจากที่เราปรับสมมติฐานต่าง ๆ ดังกล่าวข้างต้นแล้ว ประมาณการของเราจะพลิกมามีกำไรหลัก 0.1 พันล้านบาท จากเดิมที่คาดว่าจะขาดทุนสุทธิ 1.3 พันล้านบาท และพลิกกลับไปเป็นขาดทุนอีกครั้งที่ 3.5 พันล้านบาทในปี 2563 จากการลงทุนในคลื่น 700 MHz

Valuation & Action

เมื่ออิงจากประมาณการใหม่ เราขยับไปใช้ราคาเป้าหมาย 1H63 ที่ 6.60 บาท (DCF, WACC 7.4%) ซึ่งเหลือ upside จากราคาตลาดอีกแค่ 4% เท่านั้น ดังนั้น เราจึงยังคงคำแนะนำ "ถือ" โดยในระยะสั้นยังมี upside จากกำไรพิเศษที่เกิดจากการที่ TRUE จะขายสินทรัพย์บางส่วนออกไปให้ DIF ซึ่งคาดว่าธุรกรรมจะแล้วเสร็จใน 3Q62

Risks

การแข่งขันรุนแรงมากขึ้น และความเสี่ยงจากกรณีพิพาทกับหน่วยงานภาครัฐ