ชูบริการโรคเฉพาะทาง สเต็ปโต 'โรงพยาบาลเอกชัย'

ชูบริการโรคเฉพาะทาง สเต็ปโต 'โรงพยาบาลเอกชัย'

สำรวจต้นเหตุกำไรสุทธิ 'เอกชัยการแพทย์' พุ่ง New High ผ่านปากผู้ร่วมก่อตั้ง 'หมออำนาจ เอื้ออารีมิตร' ตอกย้ำสตอรี่ใหม่ผลักดันรายได้ปีนี้เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-12% แย้มพันธกิจต่อไปเน้นยกระดับบริการโรคเฉพาะทาง !!

ผลงานโดดเด่นในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา (2560-2561) สะท้อนผ่านตัวเลขของ 'กำไรสุทธิ' ที่ขยับขึ้น จากระดับ 83.83 ล้านบาท เป็น 117.21 ล้านบาท ส่งผลให้ราคา หุ้น เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH ผู้ประกอบธุรกิจสถานพยาบาลเอกชนในจังหวัดสมุทรสาคร ปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง 

ล่าสุด ผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2562 มีกำไรสุทธิ 38.44 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 72% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนมีกำไรสุทธิ  22.33 ล้านบาท  เนื่องจากมีรายได้จากกิจการโรงพยาบาลเพิ่มขึ้น จากจำนวนผู้ป่วยนอกและผู้ป่วยในที่เข้ารับบริการเพิ่มมากขึ้น

'นายแพทย์อำนาจ เอื้ออารีมิตร' กรรมการและผู้อำนวยการโรงพยาบาล บมจ. เอกชัยการแพทย์ หรือ EKH เล่าให้ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ฟังว่า กำไรสุทธิที่ขยายตัว 'สูงสุด' (New High) ทำให้นักลงทุนสนใจหุ้น EKH มากขึ้น โดยมีนักลงทุนสถาบันทั้งในและนอกประเทศติดต่อเข้ามาหลายรายมาก แต่ติดตรงที่ไม่มีผู้ถือหุ้นเดิมต้องการที่จะขายหุ้น เพราะว่ากลุ่มผู้ถือหุ้นต้องการเป็นเจ้าของและสร้างการเติบโตต่อไป 

สะท้อนผ่านล่าสุดกรณี 'สุพร ปัญญาสาคร' ขายหุ้น 'บนกระดานรายใหญ่' (Big Lot Board) จำนวน 20,000,000 หุ้น ราคาหุ้นละ 6.60 บาท คิดเป็น 3.33% ของหุ้นที่จำหน่าย ให้กับผู้ถือหุ้นในบริษัทจำนวน 14 ราย รายการดังกล่าวไม่มีผลกระทบต่อโครงสร้างคณะกรรมการ การจัดการและนโยบายการดำเนินธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด

'ด้วยความจำเป็นที่ต้องการเงินไปลงทุนในธุรกิจส่วนตัว โดยต้องการขายหุ้นจำนวน 20 ล้านหุ้น ก็ถามกันเองในกรรมการบริษัท (บอร์ด) ว่าใครต้องการซื้อหุ้น EKH บ้าง และทุกคนในบอร์ดก็พร้อมที่จะรับซื้อหุ้นไว้กันเองทั้งหมด'

เมื่อเจาะลึกสตอรี่ดันฐานะการเงินปี 2562 นั้น 'นายใหญ่' แจกแจงว่า ในเดือน ส.ค. 2562 บริษัทจะมีการเปิดอาคาร 'ศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่' ขนาด 60 เตียง ห้องตรวจคนไข้เพิ่มอีก 20 ห้อง ซึ่งคาดว่าจะช่วยลดความแออัดจากที่ศูนย์กุมารเวชเดิมที่มีความต้องการใช้ (ดีมานด์) ค่อนข้างสูง สะท้อนที่ผ่านมาแผนกเด็กเป็นแผนกที่มีรายได้เป็น 'อันดับ 2' ของรพ.เอกชัย ซึ่งเป็นรองจากแผนกอุบัติเหตุฉุกเฉินเท่านั้น  

ทั้งนี้ รพ.เอกชัยเห็นแนวโน้มว่าแผนกเด็กสร้างรายได้เติบโตต่อเนื่องทุกปี ซึ่งคาดว่าอาคารศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่จะสร้างกำไรทันที เพราะว่าบริษัทเพียงแค่ย้ายแผนกเด็กจากชั้น 6 (อาคารเดิม) ไปอยู่ที่อาคารแห่งใหม่เท่านั้น แม้ว่าจะมีต้นทุนเพิ่มขึ้นจากการเพิ่มบุคลากร 10-20 คน แต่ก็ถือว่าต้นทุนก็ไม่ได้เพิ่มมากมายเท่าไหร่   

'อาคารใหม่เราล่าช้ากว่าเดิม เพราะว่ามีการปรับเปลี่ยนแบบภายในใหม่เพื่อสร้างสิ่งอำนวยความสะดวกมากขึ้นมีสระว่ายน้ำ สำหรับเป็นศูนย์พัฒนาการของเด็ก มีสไลเดอร์อันใหญ่ ไว้สำหรับเด็กที่มีพัฒนาการช้า เป็นต้น และสร้างชั้นใต้ดินจอดรถ ทำให้งบลงทุนตอนแรก 240 ล้านบาท สุดท้ายเพิ่มเป็นงบ 270-280 ล้านบาท ความตั้งใจของเราไม่อยากให้ศูนย์กุมารเวชเป็นเหมือนโรงพยาบาล แต่เราอยากให้คนไข้มาแล้วรู้สึกว่าเหมือนมาคอมมูนิตี้มอล์สำหรับเด็ก'   

นอกจากนี้ ในปีนี้บริษัทยังมีการเปิด 'ศูนย์ผู้มีบุตรยาก' (IVF) เพิ่มอีก 1 แห่ง ย่านพระราม 9 ทำให้ปัจจุบันบริษัทมีศูนย์ IVF จำนวน 2 แห่ง (รพ.เอกชัย-พระราม9) โดยในปี 2561 ศูนย์ IVF ที่ รพ.เอกชัย มี ผลการดำเนินงานได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะ 'กลุ่มลูกค้าจีน' โดยปีที่แล้วคาดการณ์จำนวนลูกค้าไว้ 150 ราย ซึ่งบริษัททำได้ตามเป้าหมาย 

โดยในปีนี้ตั้งเป้าไว้จำนวน 300 ราย เติบโตกว่า 'เท่าตัว' จากปีก่อน คากว่าบริษัทจะทำได้ตามที่ตั้งไว้ เนื่องจากครึ่งปีแรกบริษัทมีจำนวนลูกค้าทำได้เกิน 150 รายแล้ว ซึ่งหากไม่มีอะไรผิดพลาดผลดำเนินการได้แบบนี้ต่อเนื่องเชื่อว่าปีนี้จะทำได้ตามเป้าหมายได้ไม่ยาก 

ขณะที่ 'ศูนย์พระราม9' เปิดดำเนินการไปประมาณ 4 เดือน ส่งผลให้ตอนนี้บริษัทสามารถเปิดดำเนินการศูนย์ IVF ทั้ง 2 แห่ง ซึ่งทั้ง 2 แห่ง สามารถรับคนไข้ได้เดือนละ 100 ราย คาดว่าศูนย์ IVF จะสร้างรายได้ประมาณ 20% ของรายได้รวม ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากลูกค้า แม้ว่าบริษัทก็มีต้นทุนค่าใช้จ่ายของบริษัทเพิ่มขึ้นด้วย จากต้นทุนการเปิดศูนย์ใหม่ที่พระราม 9 แต่บริษัทมีการควบคุมค่าใช้จ่ายได้ดี จึงทำให้รายได้และกำไรปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ 

ณ ปัจจุบันสัดส่วนลูกค้าคิดเป็นกลุ่มลูกค้าคนจีนประมาณ 80-90% และคนไทยประมาณ 10% 

'คนจีนที่เดินทางเข้ามารับบริการ IVF ในเมืองไทยประมาณ 20,000 ราย ซึ่ง รพ.เอกชัยพึ่งมีคนไข้แค่ 300 ราย คิดเป็นสัดส่วนแค่ 1-2% เท่านั้นเอง ดังนั้นโอกาสของบริการ IVF ยังมีอีกมาก'

ทั้งนี้ สำหรับเป้าหมายการลงทุนใน 3 ปีข้างหน้า (2562-2564) บริษัทมีแผนการลงทุนขยายศูนย์เฉพาะทางด้านต่างๆ อาทิ ศูนย์พัฒนาการเด็ก ศูนย์ระบบประสาทและสมอง ศูนย์ความงาม และ ศัลยกรรมพลาสติก ศูนย์เลสิค เป็นต้น 

นอกจากนี้ บริษัทยังได้นำเทคโนโลยีสารสนเทศมาพัฒนางานบริการของโรงพยาบาล เพื่อให้ผู้ป่วยเข้าถึง ข้อมูลทางการแพทย์ สามารถรับข้อมูลเกี่ยวกับบริการของโรงพยาบาล ค่าใช้จ่ายในการรักษา เพื่อให้เกิดความสะดวกและ รวดเร็ว โดยเน้นคุณภาพและความพึงพอใจของผู้ใช้บริการเป็นหลัก   

'หมออำนาจ' เล่าต่อว่า สำหรับภาพรวมธุรกิจครึ่งปีหลังคาดว่าจะเติบโตกว่าครึ่งปีแรก เนื่องจากเป็นช่วง 'ไฮซีซั่น' ของธุรกิจ ประกอบกับได้รับผลบวกจากการเปิดศูนย์ IVF เพิ่มที่พระราม 9 ทำให้จำนวนเคสในการรักษาเพิ่มขึ้นและการเปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง โดยบริษัทได้ขยายพื้นที่ให้บริการศูนย์โรคไต การเปิดให้บริการอาคารกุมารเวชแห่งใหม่ , เปิดศูนย์ ตา หู คอ จมูกและเปิดศูนย์ทันตกรรม ซึ่งจะผลักดันรายได้ในปีนี้ให้เติบโตไม่ต่ำกว่า 8-12% จากปีก่อน

อย่างไรก็ตาม การเปิดให้บริการต่างๆ อาจจะมีรับรู้ค่าเสื่อมเข้ามาในปีนี้ แต่บริษัทมั่นใจว่าจะรักษาอัตรากำไรสุทธิให้อยู่ที่ 17.91% หรือใกล้เคียงปีก่อนสำหรับผลการดำเนินงานไตรมาส 3 ปี 2562 จะเป็นช่วงที่ดีสุดของปีที่เข้าไฮซีซั่นของธุรกิจ และขณะเดียวกันบริษัทยังได้เปิดศูนย์การแพทย์เฉพาะทางต่อเนื่อง โดยในเดือนกรกฎาคมนี้เตรียมเปิดศูนย์กุมารเวชแห่งใหม่ ขนาด 60 เตียง ซึ่งจะช่วยลดความแออัดจากที่ศูนย์กุมารเวชเดิมที่มีความต้องการใช้ค่อนข้างสูง

'ทิศทางธุรกิจของบริษัทนับต่อจากนี้จะเติบโตอย่างโดดเด่น โดยเฉพาะผลการดำเนินงาน เนื่องจากได้รับปัจจัยบวกจากผู้ป่วยในและผู้ป่วยนอกเข้ามารับบริการอย่างต่อเนื่อง และศูนย์ IVF สนับสนุน ภายหลังจากเปิดให้บริการศูนย์ IVF ที่แหล่งศูนย์กลางธุรกิจ (CBD) ย่านพระราม 9 ช่วงต้นปีที่ผ่าน ทำให้สามารถรองรับลูกค้าได้เพิ่มขึ้น'

สำหรับ ภาพรวม 'การตลาดและการแข่งขัน' โดยบริษัทเน้นให้บริการโดยบุคลากรทางด้านกา รแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญด้วยเครื่องมือที่ครบครันและ ทันสมัย ซึ่งรพ.เอกชัยให้ความสำคัญในการสรรหาบุคลการทางการแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญ ทั้งในส่วนของ แพทย์ พยาบาล และฝ่ายสนับสนุนทางการแพทย์ 

โดยเฉพาะแพทย์ที่มีความชำนาญเฉพาะทางในแต่ละสาขาขณะที่ กลุ่มลูกค้าเป้าหมายและช่องทางการให้บริการนั้น เนื่องจากรพ.เอกชัย ตั้งอยู่บนถนนเอกชัย จังหวัดสมุทรสาคร ซึ่งมีนิคมอุตสาหกรรม โรงงาน อุตสาหกรรมอยู่จำนวนมาก และอยู่ใกล้กับแหล่งชุมชนและหมู่บ้านต่างๆ ทำให้มีประชากรอยู่หนาแน่น  ซึ่งกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ของโรงพยาบาลจึงได้แก่ ผู้อยู่อาศัย บริษัทเอกชน โรงงานอุตสาหกรรม สถาบันการศึกษา และ หน่วยงานราชการ ในจังหวัดสมุทรสาครและจังหวัดใกล้เคียง  ที่อยู่ในรัศมี 50 กิโลเมตรของโรงพยาบาล รวมถึงการบริการในกลุ่มลูกค้าต่างชาติ เพื่อให้เกิดการขยายตลาดเพิ่มมากขึ้น  

ขณะที่ กรณีกระทรวงพาณิชย์ออกประกาศ คณะกรรมการกลางว่าด้วยราคาสินค้าและบริการ (กกร.) กำหนดให้แจ้งราคายา เวชภัณฑ์ และค่าบริการ ทางการแพทย์ บริษัทขอยืนยันว่าจะไม่ได้รับผลกระทบแต่อย่างใด เนื่องจากราคาของบริษัทอยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม จึงไม่มีการปรับลดราคาลง

ท้ายสุด 'หมออำนาจ' ทิ้งท้ายว่า ปัจจุบันเรารับคนไข้ที่เข้ามารักษาโรคทั่วไปคิดเป็น 90% แต่คนไข้ที่เข้ามารักษาโรคยาก สัดส่วน 10%ซึ่งเป้าหมายเรามุ่งเน้นรับรักษาโรคที่มีความยากขึ้น เพื่อที่จะได้ไม่ต้องส่งตัวคนไข้ต่อ

โบรกฯ ฟันธงรายได้โตต่อ

บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) โกลเบล็ก บอกว่า คาดการณ์การเปิดใช้ตึกกุมารเวชในเดือน ส.ค. หนุนผลประกอบการครึ่งปีหลังเติบโต และคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการเต็มรูปแบบทั้ง 60 เตียงภายในปี 2563 โดยประมาณการรายได้ปี 2562 ราว 820 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 29% จากช่วงเดียวกันปีก่อน ซึ่งมีปัจจัยหนุน 3 ประการ ได้แก่

1.คาดอัตรา %U.rate ของผู้ป่วยในตึกใหม่อยู่ที่ 40-60% เนื่องจากปัจจุบันมีผู้ป่วยเด็กใช้บริการตึกเก่าราว 30-40 เตียงจะย้ายไปให้บริการที่ตึกใหม่ทั้งหมด 2.ศูนย์ IVF พระราม 9 จะเปิดให้บริการครบเพื่อรองรับผู้ป่วยได้เพิ่มขึ้น และ 3.รับรู้รายได้เต็มปีจากศูนย์ IVF ซึ่งเราคาดการณ์รายได้ทั้งปีราว 200 ล้านบาท (ไตรมาส 1 ที่ผ่านมา มีรายได้ 32 ล้านบาท) อย่างไรก็ดี ผลประกอบการอาจถูกกดดันเล็กน้อยจาก ค่าเสื่อมราคาสำหรับตึกใหม่ราว 5 ล้านบาท และมีค่าใช้จ่ายพนักงานเพิ่มขึ้น เพื่อรองรับศูนย์ IVF พระราม 9

นอกจากนี้ บริษัทยังมีแผนปิดปรับปรุงชั้นที่ให้บริการผู้ป่วยเด็กจำนวน 28 เตียง และปรับปรุงขยายศูนย์ไตเทียมและศูนย์ตาเพิ่มเติม อย่างไรก็ตาม เชื่อว่ารพ.เอกชัยยังมีโอกาสเติบโตจากแผนกตึกกุมารเวชและศูนย์ IVF อีกมาก สะ ท้อนผ่านจำนวนประชากรใน จ.สมุทรสาครปี 2559-2561 เติบโตเฉลี่ย 2.2% ต่อปี สู่ 5.77 แสนคน

ขณะที่จำนวนเด็กเกิดปี 2550-2560 เติบโตเฉลี่ย 2% ต่อปี สู่ 1.3 หมื่นคนต่อปี คาดว่าการเปิดตึกกุมารเวชจะช่วยเพิ่มศักยภาพในการรองรับผู้ป่วยเด็กในอนาคตตามการเติบโตของจำนวนประชากรใน จ.สมุทรสาคร อีกทั้งศูนย์ IVF มีโอกาสเติบโตจากจีนเปลี่ยนโยบายจากลูกคนเดียวเป็นลูกสองคนทำให้มีครอบครัวที่ต้องการมีลูกเพิ่มเติมหันมาใช้บริการ IVF ทั้งในประเทศจีนและต่างประเทศ ทั้งนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดการณ์ว่าจะมีคนจีนที่เดินทางมาใช้บริการ IVF ในประเทศไทยราว 'ล้านคู่' จากผลของนโยบายลูกคนที่สองของจีน โดยคาดศูนย์ IVF ของรพ. จะได้ประโยชน์จากคนจีนที่ต้องการมีลูก