ซีพีเอ็น คาดรายได้ปีนี้โต 11% พร้อมเล็งขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯเพิ่ม

ซีพีเอ็น คาดรายได้ปีนี้โต 11% พร้อมเล็งขายสินทรัพย์เข้ากองทุนฯเพิ่ม

“เซ็นทรัลพัฒนา” คงเป้ารายได้ปีนี้เติบโต 11% จากปีก่อน ยอดขายจากสาขาเดิมจะเติบโตเฉลี่ย 3-4% งบลงทุนปีนี้อยู่ที่ 19,000 ลบ. ย้ำเป้า 5 ปีรายได้โตเฉลี่ย 13% พร้อมขายสินทรัพย์เข้า CPNREIT อีก 8 พัน- 1.2 หมื่นลบ.

นางสาวนภารัตน์ ศรีวรรณวิทย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการเงิน และรองกรรมการผู้จัดการใหญ่ สายงานการเงินบัญชีและบริหารความเสี่ยง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN เปิดเผยว่าบริษัทคงเป้ารายได้รวมปีนี้จะเติบโต 11% จากปีก่อนที่มีรายได้ 37,662.63 ล้านบาท เนื่องจากคาดว่ารายได้ในช่วงครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรก ซึ่งเป็นผลจากธุรกิจศูนย์การค้าและธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ที่ขยายตัวดีขึ้น โดยบริษัทเตรียมเปิดศูนย์การค้าใหม่ เซ็นทรัล วิลเลจ ในช่วงเดือนส.ค.นี้และการปรับปรุงเซ็นทรัลพลาซ่าลาดพร้าว,เซ็นทรัลพลาซ่าเชียงราย และเซ็นทรัลพลาซ่าชลบุรีจะแล้วเสร็จ รวมถึงมีโครงการอสังหาฯที่จะมีการทยอยโอนกรรมสิทธิเพิ่มเติมเข้ามาในช่วงครึ่งปีหลังจำนวนมาก

ปกติช่วงครึ่งปีหลังจะดีกว่าครึ่งปีแรกอยู่แล้ว โดยเฉพาะในไตรมาส 4 ถือว่าเป็นช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เพราะเป็นช่วงเทศกาลและจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐเข้ามาสนับสนุนเพิ่มเติมในปีนี้ด้วย และที่มองว่าจะเติบโตดี เนื่องจากการปรับปรุงโครงการเซ็นทรัลลาดพร้าว เชียงราย และชลบุรี แล้วเสร็จ ดังนั้นจึงมองว่าครึ่งปีหลังจะเติบโตดีกว่าครึ่งปีแรกที่ผ่านมาแน่นอน

ทั้งนี้ในส่วนของงบลงทุนปีนี้ บริษัทเตรียมเงินไว้ประมาณ 19,000 ล้านบาท เพื่อใช้ในการสร้างศูนย์การค้าใหม่และปรับปรุงโครงการเดิม โดยปัจจุบันใช้ไปแล้ว 8,000 ล้านบาท ขณะที่ในส่วนของการปรับราคาค่าเช่าร้านศูนย์การค้านั้น โดยปกติจะมีการปรับราคาค่าเช่า 3-5% ต่อปี แต่ทั้งนี้ยังต้องขึ้นอยู่กับสถานการณ์และภาพรวมของเศรษฐกิจด้วย เพื่อไม่ให้ส่งผลกระทบต่อร้านค้า

ขณะที่ปัจจุบันบริษัทเตรียมเสนอขายสินทรัพย์เข้ากองทรัสต์เพื่อการลงทุนในสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์ CPN รีเทลโกรท (CPNREIT) เพิ่มเติม ซึ่งที่ผ่านมาบริษัทได้เสนอสินทรัพย์บางส่วนต่อผู้จัดการกองฯไปแล้วและอยู่ระหว่างการพิจารณา ซึ่งคาดว่าในช่วงเดือนต.ค.-พ.ย.ปีนี้ น่าจะประชุมผู้ถือหน่วยได้ โดยทรัพย์สินที่จะเข้าครั้งนี้ประมาณ 8,000-12,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทมีศูนย์การค้าจำนวน 33 แห่ง และมีพื้นที่ให้เช่าสุทธิรวม 1. 8 ล้านตารางเมตร โดยอยู่ในเขตกรุงเทพฯและปริมณฑล 14 โครงการ,ต่างจังหวัด 18 โครงการ และในมาเลเซีย 1 โครงการ

ส่วนด้านโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use) ย่านพหลโยธิน คาดว่าจะได้ข้อสรูปแผนการลงทุนภายในครึ่งปีแรกของปี 2563 และคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการได้ภายในปี 2565-2566 โดยโครงการดังกล่าวจะมีการพันธมิตรเข้ามาร่วมธุรกิจด้วย แต่สำหรับเงินในการลงทุนนั้นยืนยันว่ามีเพียงพออย่างแน่นอน ขณะที่ด้านโครงการซุปเปอร์ทาวเวอร์ แอท เดอะ แกรนด์ พระราม 9 ขณะนี้อยู่ระหว่างการทบทวนแผนงาน โดยจะพิจารณาทั้งด้านการตลาดและความคุ้มค่าในการลงทุน

นอกจากนี้บริษัทตั้งเป้าหมายทางธุรกิจในระยะ 5 ปี (ปี 2562-2566) ที่จะมีรายได้เติบโตในอัตราเฉลี่ย (CAGR) ประมาณ 13% ต่อปีเพื่อให้บรรลุเป้าหมายดังกล่าวบริษัทฯได้กำหนดแนวทางในการขยายธุรกิจในรูปแบบการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบผสม (Mixed-use Development) การพัฒนาศูนย์การค้าใหม่การปรับปรุงสินทรัพย์ที่มีอยู่เพื่อเพิ่มมูลค่าการพัฒนาโครงการที่พักอาศัยและการปรับปรุงกระบวนการดำเนินงานเพื่อให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น