ปัจจัยภายนอกหนุน

ปัจจัยภายนอกหนุน

ระวังแรงขายในช่วงดีดตัวจากทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออก รวมถึง Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index ปรับตัวลงแรง -30.41 จุด (-1.84%) ปิดที่ระดับ 1,620 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.4 หมื่นล้านบาท จากความกังวลภาวะเศรษฐกิจโลกชะลอตัวตามสถานการณ์ Trade war สหรัฐ-จีนที่ยืดเยื้อ ประกอบกับ sentiment เชิงลบจากการประท้วงต่อต้านรัฐบาลในฮ่องกงที่รุนแรงขึ้น รวมถึงแรงขาย Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19 กดดันให้ดัชนีทรุดตัวลงแรง ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติเป็นขายสุทธิต่อเนื่องอีก 3,395 ล้านบาท และ Net Short TFEX จำนวน 13,744 สัญญา รวมถึงขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 2,779 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นบวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบบริเวณ 1,635 – 1,640 จุด ตามทิศทางตลาดหุ้นทั่วโลกที่รีบาวด์ขึ้นตอบรับสถานการณ์ Trade war ที่ผ่อนคลายลงหลังสหรัฐเลื่อนการเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. (เดิม 1 ก.ย.) พร้อมกับถอดสินค้าบางประเภทออกจาก List รอบใหม่ นอกจากนี้สหรัฐ-จีนมีกำหนดจะเจรจาการค้ารอบใหม่ในอีก 2 สัปดาห์ข้างหน้า อีกทั้งยังเป็นบวกต่อราคาน้ำมันดิบที่ฟื้นตัวขึ้นแรงราว 4% ซึ่งเป็นบวกต่อกลุ่มพลังงานอีกด้วย  อย่างไรก็ตาม ควรระวังแรงขายในช่วงดีดตัวจากทิศทาง Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลออก รวมถึง Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • หุ้นที่คาดว่าจะได้อานิสงส์มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจรอบใหม่ กลุ่มค้าปลีก CPALL กลุ่มนิคมฯ AMATA WHA  กลุ่มท่องเที่ยว AOT MINT
  • หุ้น Defensive stock ( INTUCH, ADVANC, BEM , BTS, TPCH ,BDMS ,GPSC ,TTW ,EA ,CPALL )

หุ้นแนะนำวันนี้: CPF (ปิด 27.25 ซื้อ/เป้า 32) Overhang จากงบ 2Q19 ที่ชะลอตัวผ่านไปแล้ว ขณะที่ 3Q19 จะเข้าสู่ช่วง High season ของธุรกิจ ปัจจัยลบจากราคาหมูในเวียดนามที่ลดลงแรงใน 2Q19 เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัว เช่นเดียวกับราคาหมูในประเทศที่ปรับตัวลงในช่วงต้นเดือนก็เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวด้วยเช่นกัน, MTC (ปิด 50.75 ซื้อ/เป้า IAA Consensus 64 บาท) มองราคาหุ้นที่ลดลงแรงกว่า 23% ภายในเวลาเพียง  4 วันทำการได้สะท้อนข่าวลบจากแนวโน้ม NPL ในธุรกิจที่สูงขึ้นไปบ้างแล้ว ราคาที่ลงมาลึกและเร็วทำให้ Downside ในระยะสั้นเริ่มจำกัด จึงมองเป็นโอกาสในการเข้าซื้อเพื่อเล่นรอบหรือเก็งกำไรคาดหวังการเกิด Technical rebound,

KSS report วันนี้: AP, CPALL, KCE, PSH, PTT, QH, SPALLI และ VGI

ประเด็นสำคัญวันนี้:

(+) Trade war มีสัญญาณบวก สหรัฐประกาศเลื่อนเก็บภาษีสินค้านำเข้าจากจีนบางส่วนเป็น 15 ธ.ค. จากเดิม 1 ก.ย.19 : ดัชนีดาวโจนส์บวกแรงกว่า 373 จุด (+1.44%) ปิดที่ระดับ 26,780 จุด เนื่องจากนักลงทุนคลายกังวลต่อปัญหาสงครามการค้าหลังจากเมื่อวานนี้ สำนักงานผู้แทนการค้าสหรัฐ (USTR) ประกาศชะลอการเรียกเก็บภาษีสินค้าจากจีนบางส่วนออกไปเป็นวันที่ 15 ธ.ค. จากเดิมที่มีกำหนดในวันที่ 1 ก.ย.19 เบื้องต้นประกอบด้วยกลุ่มสินค้าที่เป็น โทรศัพท์มือถือ แล็ปท็อปคอมพิวเตอร์ คอนโซลวิดีโอเกม ของเล่น จอมอนิเตอร์ รองเท้า และเสื้อผ้า นอกจากนี้สหรัฐยังยกเลิกหรือจะไม่เก็บภาษีในกลุ่มสินค้าที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพและสุขอนามัยต่างๆ ส่วนการเจรจาเพื่อยุติข้อพิพาททางการค้าก็ยังดำเนินการต่อไป โดยผู้แทนการค้าทั้ง 2 ประเทศจะมีการนัดประชุมกันอีกครั้งในช่วงปลายเดือน ส.ค.นี้ กลุ่ม Global play กลุ่มส่งออกสินค้า น่าจะตอบรับเชิงบวกต่อข่าวดังกล่าวในวันนี้ โดยเฉพาะกลุ่ม อิเล็กทรอนิกส์ รวมไปถึงกลุ่มธุรกิจน้ำมันและปิโตรฯ

(+) ราคาน้ำมันดิบพุ่งขึ้นสวนทางกับที่เราคาดไว้โดยได้ปัจจัยบวกเช่นเดียวกับตลาดหุ้นดาวโจนส์ คือตอบรับข่าวสหรัฐเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีน : ราคาน้ำมันดิบเป็นอีกหนึ่งสินทรัพย์เสี่ยงที่ราคาปรับตัวขึ้นแรงในช่วงเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยราคาน้ำมันดิบ WTI เพิ่มขึ้น 2.17 ดอลลาร์ (+4%) ปิดที่ระดับ 57.1 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล ตลาดได้แรงหนุนเช่นเดียวกับตลาดหุ้นวอลสตรีทคือ นักลงทุนตอบรับข่าวสหรัฐประกาศเลื่อนเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนบางส่วนออกไปเป็น 15 ธ.ค.จากเดิม 1 ก.ย.19 นอกจากนี้ตลาดยังคงคาดหวังว่ากลุ่มผู้ผลิตน้ำมันดิบ (OPEC)จะออกมาตรการเพิ่มเติมเพื่อพยุงราคาน้ำมันดิบ รวมถึงตลาดคาดหวังว่าวันนี้สหรัฐจะรายงานตัวเลขสต๊อกน้ำมันดิบรายสัปดาห์ของสหรัฐลดลง 2.77 ล้านบาร์เรล เทียบกับสัปดาห์ก่อนที่เพิ่มขึ้น 2.38 ล้านบาร์เรล

(+) ครม.กำหนดประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกในวันที่ 16 ส.ค.19 เบื้องต้นคาดเป็นการประชุมเพื่อออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ : วานนี้ที่ประชุมครม.ประกาศกำหนดให้วันที่ 16 ส.ค.19 เป็นวันประชุม ครม.เศรษฐกิจนัดแรกของรัฐบาลใหม่ เบื้องต้นคาดดว่าจะเป็นการประชุมเพื่อหารือสำหรับการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งสอดคล้องกับที่คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจเคยระบุไว้ว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจชุดใหม่น่าจะนำเข้าสู่ที่ประชุม ครม.ได้ในช่วงวันที่ 19-20 ส.ค.นี้ หากเป็นไปตามคาดถือเป็นสัญญาณบวกที่คาดว่าจะเข้ามาช่วยฟื้นเศรษฐกิจ และความเชื่อมั่นของนักลงทุน และน่าจะเป็นปัจจัยบวกสำคัญที่คาดว่าจะเข้ามาผลักดันให้ตลาดหุ้นบ้านเรากลับมาเพิ่มขึ้นได้ในช่วงที่เหลือของเดือน ส.ค.นี้