'อริสมันต์' พร้อม2นปช.ยื่นอสส. ถอนฟ้องคดีล้มประชุมอาเซียน

'อริสมันต์' พร้อม2นปช.ยื่นอสส. ถอนฟ้องคดีล้มประชุมอาเซียน

อดีตแกนนำนปช. "กี้ร์ อริสมันต์" ร้องอัยการสูงสุด พิจารณาเหตุมีตร.พยานเบิกความเท็จ คดีถึงที่สุดชั้นอุทธรณ์ตัดสินผิด แถมอัยการสั่งฟ้องตร.อีกสำนวน ส่วนคดีนปช.ก่อการร้าย รอตัดสินพรุ่งนี้ เชื่อมั่นศาลให้ความยุติธรรม

เมื่อเวลา 10.00 น. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด ถ.แจ้งวัฒนะ นายอริสมันต์ หรือกี้ร์ พงศ์เรืองรอง แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) , นายพงศ์พิเชษฐ์ สุขจินดาทอง และ นายนพพร นามเชียงใต้ แนวร่วม นปช. ซึ่งตกเป็นจำเลยคดีชุมนุมล้มการประชุมอาเซียน ที่พัทยา เมื่อปี 2552 เดินทางมายื่นคำร้องถึง นายเข็มชัย ชุติวงศ์ อัยการสูงสุด เพื่อขอให้อัยการพิจารณาถอนฟ้องคดีดังกล่าว (ซึ่งปัจจุบันคดีอยู่ในชั้นฎีกา) เนื่องจากพยานโจทก์ปากสำคัญในคดีถูกศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาลงโทษฐานแจ้งความเท็จ โดยมี นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เป็นผู้แทนอัยการสูงสุดรับเรื่องไว้

นายอริสมันต์ กล่าวว่า ตนมายื่นขอความเป็นธรรมต่ออัยการสูงสุด กรณี พ.ต.ท.ศราวุธ บุญชัย พยานรับสารภาพว่าถูกบังคับให้การเท็จปรักปรำพวกตน ซึ่งเป็นขบวนการประชาชนที่เรียกร้องประชาธิปไตยที่ต้องการไปยื่นหนังสือต่อผู้นำอาเซียน กระทั่งพวกตนถูกดำเนินคดีทั้งที่การประชุมเลิกตอน 11.00 น. แต่เหตุเกิดขึ้นช่วงประมาณบ่ายโมง ถ้ายกเลิกการประชุมหรือการประชุมเสร็จสิ้นแล้ว หรือรัฐบาลแถลงข่าวยุติแล้วหรือเลื่อนไป เรื่องราวต่างๆ จะไม่เกิดขึ้น แต่กลับมีคนเสื้อน้ำเงินมาทำร้ายประชาชน ทำให้ประชาชนแตกตื่นเข้าไปในหอประชุม มีกระจกแตก ซึ่งกระจกที่แตกเจ้าหน้าที่ก็ทราบดีว่าใครทำ พวกเราเดินไปทีหลังเข้าไปในหอประชุมเพื่อไปตามพี่น้องกลับมานี่คือเรื่องจริงทั้งหมด ขณะที่คนเสื้อน้ำเงินไม่ถูกดำเนินคดี

นายอริสมันต์ ระบุด้วยว่า พ.ต.ท.ศราวุธ เป็นพยานปากสำคัญ ศาลพิจารณาพยานปากนี้โยงถึงพวกเราว่ามีการกระทำความผิดจริง บางครั้งเอารูปมาก็ไม่ตรง ทำให้ศาลตัดสินตามข้อมูลของ พ.ต.ท.ศราวุธ ทำให้จำเลยฟ้องต่อศาลเรื่องให้การเท็จซึ่งศาลก็ตัดสินแล้วว่ามีความผิดจริง พวกเราทำตามสิทธิหน้าที่พลเมืองที่มีตามรัฐธรรมนูญทุกฉบับ เราจึงมาขอความเป็นธรรมเมื่อเอาพยานเท็จมาฟ้องเรา อัยการก็รับทราบทั้งหมดเป็นการจัดฉาก นำพยานเข้าสู่ศาลกล่าวหาเราให้มีโทษจำคุก เราก็ถูกจำคุกกันมาพอสมควร วันนี้มีคำพิพากษาถึงที่สุด พยานรับสารภาพเป็นเท็จจึงมาขออัยการสูงสุดพิจารณาว่าคดีสมควรถูกยกออกไปจากสารบบหรือไม่

นายพงศ์พิเชษฐ์ ก็ได้กล่าวถึงคดีล้มการประชุมอาเซียนว่า ศาลอุทธรณ์ตัดสินว่าพวกเรามีความผิด แต่ภายหลังมีการดำเนินคดี พ.ต.ท.ศราวุธ ในข้อหาให้การเท็จโดยศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์ตัดสินแล้วว่า พ.ต.ท.ศราวุธ มีความผิดจริง อีกทั้งจำเลยในคดีล้มประชุมอาเซียนคือนายศักดา นพสิทธิ์ และนายนพพร นามเชียงใต้ ก็ได้แจ้งความดำเนินคดีแล้ว ในส่วนของนายศักดา อัยการพัทยาก็มีความเห็นสั่งฟ้อง พ.ต.ท.ศราวุธ ให้การเท็จอีก วันนี้ที่มาไม่ได้ก้าวล่วงอำนาจศาล ในเมื่ออัยการโจทก์มีหน้าที่ส่งฟ้อง แต่ปรากฏว่าพยานสำคัญเป็นพยานเท็จ หมายความว่าอัยการโจทก์ได้ฟ้องเท็จจะเจตนาหรือไม่เจตนาก็ตาม อัยการโจทก์มีอำนาจที่จะถอนฟ้อง เพราะการฟ้องครั้งนี้ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ส่วนจะถอนฟ้องแล้วดำเนินคดีใหม่ก็ว่ากันไป

ส่วน นายนพพร กล่าวว่า พ.ต.ท.ศราวุธ เบิกความพาดพิงแทบทุกคนในคดี วันเกิดเหตุตนไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ แต่พาดพิงว่าตนไปปราศรัยทั้งที่ไม่มีภาพถ่ายของตน พนักงานอัยการได้นำภาพบุคคลอื่นพร้อมข้อความ ซึ่งเป็นภาพของนายประหยัด นาคโต หรือเล็ก สนามหลวง ศาลได้นำมาพิจารณาว่าตนกระทำความผิด อัยการโจทก์นำพยานเท็จเข้าสืบเพราะเป็นภาพของบุคคลอื่น ตนตั้งรางวัล 100,000 บาท ถ้าใครสามารถนำตัวเล็ก สนามหลวง มาเป็นพยานในศาลได้ เพื่อยืนยันว่าไม่ใช่ตน เมื่อถามว่า คดีของ พ.ต.ท.ศราวุธ อยู่ระหว่างฎีกาหรือไม่ "

นายพงศ์พิเชษฐ์ กล่าวว่า คดีของ พ.ต.ท.ศราวุธ อัยการโจทก์ไม่ได้ฎีกา ถือว่าจบลงแล้ว ส่วนกรณีที่นายศักดาได้แจ้งความเพิ่ม อัยการสั่งฟ้องแล้ว เมื่อถามถึงการนัดฟังคำพิพากษาคดีื 24 แกนนำ นปช. ก่อการร้าย เช้าวันพรุ่งนี้ (14 ส.ค.) ว่า มีความรู้สึกอย่างไร และคิดว่าจะเดินทางไปกันครบหรือไม่ นายอริสมันต์ จำเลย กล่าวว่า ต้องเดินทางไปฟัง เราไม่มีเจตนาหลบหนี เราเชื่อมั่นว่าศาลมีความยุติธรรม เห็นข้อเท็จจริงว่าองค์ประกอบความผิดฐานก่อการร้ายไม่ได้ทำแบบนี้ ไม่มีใครไปก่อการร้ายโดยการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การปราศรัย การก่อการร้ายคือการก่อวินาศกรรม ทำให้เกิดความหวาดกลัว เสียหายต่อประเทศชาติบ้านเมืองและชีวิตของพี่น้องประชาชน ศาลน่าจะพิจารณาแล้วว่าพวกเราไม่เข้าองค์ประกอบความผิดนั้น เมื่อถามว่า ที่ผ่านมาถูกมองว่ามีบทบาทในการปราศรัยแบบฮาร์ดคอร์ ลำบากในการสู้คดีหรือไม่ มั่นใจแค่ไหน"

นายอริสมันต์ กล่าวว่า จริงๆ แล้วต้องดูสาเหตุว่าทำไมเราถึงเป็นอย่างนั้น การกระทำของอีกฝ่ายทำกับเรารุนแรงมากอยู่แล้ว บางทีไปดักอุ้มเรา บุกจับเราโดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้าไปในห้อง ถ้าสืบสาวความจริงเราปราศรัยทั่วประเทศ ไม่มีการเจ็บการตาย หรือเหตุการณ์ชุลมุนขึ้น แต่เมื่อเข้ามาในกรุงเทพฯ แล้วมีการตาย เพราะว่ามีคนนำอาวุธสงคราม กระสุนจริงเข้ามา หลายอย่างที่เกิดขึ้น อยากให้พี่น้องประชาชนคิดว่าการชุมนุมของ นปช. ที่ผ่านมา ไม่ได้เกิดขึ้นแค่ในกรุงเทพฯ ที่เดียว เกิดขึ้นทั่วประเทศ ทุกที่ที่ไปไม่มีความเสียหายใดๆ ทั้งสิ้น ยกเว้นที่กรุงเทพฯ

“เราจึงสังเกตว่าเมื่อเรามาที่กรุงเทพฯ มันมีตัวการที่สร้างสถานการณ์ก่อความรุนแรงขึ้นมา วันนี้ประชาชนของเรา เสื้อแดงที่เสียชีวิตไปนับร้อยคนยังหาคนผิดไม่ได้เลย ยังจับคนยิงไม่ได้เลย แล้วคุณก็บอกว่าคนที่ตายเป็นผู้ก่อการร้ายบ้าง แต่เราไปสืบเสาะดูว่าคนที่เสียชีวิตทั้งหมดไม่มีอาวุธสักคนเดียว แล้วที่สำคัญก็ถูกซุ่มยิงจากระยะไกลเสียส่วนใหญ่ ศาลก็พิจารณาแล้วว่าคนที่เสียชีวิตบางจุดบางที่เกิดจากการยิงของเจ้าหน้าที่บ้านเมือง” นายอริสมันต์ กล่าว