ล้วงลับ…สไตล์ลงทุน 'ชาคริต ทีปกรสุขเกษม'

ล้วงลับ…สไตล์ลงทุน 'ชาคริต ทีปกรสุขเกษม'

'Safe' (ปลอดภัย) พอร์ตการลงทุนตัวเอง ธีมการลงทุนหุ้นไทยปีนี้ของ 'ชาคริต ทีปกรสุขเกษม’ ผู้ก่อตั้ง 'ซีแพนเนล' (CPanel) ตัวช่วยสำคัญท่ามกลางความผันผวน !!

'ชาคริต ทีปกรสุขเกษม' เจ้าของพอร์ตหุ้น นิยามรูปแบบการลงทุนของตัวเองกับ 'กรุงเทพธุรกิจ BizWeek' ว่า แม้พอร์ตหุ้นจะมีศูนย์เพียง 2 ตัว แต่อาชีพหลักที่ใช้ทำมาหากินเลี้ยงครอบครัวมาจากธุรกิจส่วนตัว ภายใต้ บริษัท ซีแพนเนล หรือ CPanel ผู้ประกอบธุรกิจผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป (Precast Concrete Wall Panel)

ด้วยประสบการณ์ของผู้บริหารหนุ่มคนนี้ไม่ธรรมดา !! เพราะเป็นอดีตกรรมการผู้จัดการ บมจ. ผลิตภัณฑ์คอนกรีตชลบุรี หรือ CCP ที่เป็นแกนหลักช่วยที่บ้านในการดูแลบริษัทพร้อมนำ CCP เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) และ บมจ. สมาร์ทคอนกรีต หรือ SMART จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ เอ็ม เอ ไอ (mai) ก่อนที่ตัดสินใจออกมาทำธุรกิจของตัวเอง

'ชาคริต' เล่าถึงการลงทุนในตลาดหุ้นว่า ด้วยประสบการณ์ที่เรียนจบด้านการเงินมา และเคยเป็นผู้บริหารระดับสูงบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯ จึงรู้เรื่องการลงทุนในตลาดหุ้นเป็นอย่างดี ซึ่งโดยมี 'ผลตอบแทน' (รีเทิร์น) ต่อปีเฉลี่ยเป็นตัวเลข 'สองหลัก' !! สำหรับเป้าหมายคือ ลงทุนยาว สะท้อนที่ผ่านมาถือหุ้นน้อยสุด 12 เดือน

Safe (ปลอดภัย) การลงทุนตัวเองดีที่สุด คือ กลยุทธ์ลงทุนในตลาดหุ้นไทยตอนนี้ !! บอกเลยว่าผมยังไม่กล้าควักเงินซื้อหุ้นไทย เพราะในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นไทยมีความเสี่ยงในเรื่องของข่าวเยอะมาก แต่ส่วนตัวมองว่า สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยจะ 'สดใส' ในปีหน้า (2563) เนื่องจากปัจจัยการเมืองมีความชัดเจนแล้ว หลังมีการจัดตั้งรัฐบาลเรียบร้อย โดยเฉพาะเป็นรัฐบาลเดิมที่เชื่อว่าจะเข้ามาสานต่อโครงการลงทุนเดิม เช่น โครงการเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)

เขาบอกว่า ตั้งแต่ลงทุนมา 'หุ้นเด่นสุด' ประจำพอร์ตคงต้องยกให้ หุ้น พรีเชียส ชิพปิ้ง หรือ PSL ซึ่งหุ้นตัวดังกล่าวเป็นหุ้นที่ชื่นชอบมากตัวหนึ่ง เป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทน 100% และเป็นหุ้นที่ผมกล้าทยอยซื้อเติมพอร์ตตลอด ประกอบกับซื้อแล้วราคาหุ้นก็ปรับตัวขึ้นต่อเนื่อง โดยถือลงทุนนานกว่าปีครึ่ง โดยช่วงนั้นคงเป็นจังหวะที่ธุรกิจของ PSL เป็นขาขึ้นทั้งค่าระวางเรืออยู่ในระดับสูง และผลประกอบการเติบโตต่อเนื่องทุกปี

อีกตัวคือ หุ้น แอ็ดวานซ์ อินฟอร์เมชั่น เทคโนโลยี หรือ AIT เป็นหุ้นที่ประกอบธุรกิจออกแบบ และรับเหมาวางระบบโครงข่ายเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารอย่างครบวงจร (System Integration) รวมถึงการจัดหาสินค้า Application of Turnkey Projects จนไปถึงสัญญาการให้บริการของทั้งภาครัฐบาลและภาคเอกชน โดยหุ้น AIT ผมซื้อลงทุนตั้งแต่ยังไม่มีนักลงทุนรู้จักในวงกว้าง หุ้น AIT เป็นหุ้นที่ P/E ต่ำกว่า 10 เท่า และมีการจ่ายเงินปันผลระดับที่ดี

'ส่วนตัวมองว่าหากอยากได้หุ้นที่มี P/E ระดับต่ำ มีการจ่ายปันผลที่ดี และผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ซื้อหุ้นตัวใหญ่ใน SET 50 หรือ SET 100 บางครั้งก็ไม่ตอบโจทย์ดังกล่าวได้'

อย่างไรก็ตาม 'ชาคริต' บอกว่า ปัจจุบันมีหุ้นในพอร์ตหลัก 3 ตัว คือ หุ้น จี แคปปิตอล หรือ GCAP โดยเป็นหุ้นในธุรกิจการเงินขนาดเล็กที่มี P/E ยังไม่สูงมาก และผลประกอบการมีโอกาสเติบโตในอนาคต รวมทั้งเป็นหุ้นที่มีการจ่ายเงินปันผลในเกณฑ์ที่ดี
หุ้น ธนาคารเกียรตินาคิน หรือ KK เป็นหุ้นการเงินที่มี P/E ไม่สูงมาก และมีอัตราการจ่ายเงินปันผลในเกณฑ์ที่ดี 'ส่วนตัวเป็นคนที่ชื่นชอบหุ้นการเงินเป็นทุนเดิม เพราะว่าเราสามารถคาดการณ์ทิศทางของธุรกิจได้ไม่ยาก' 

และ หุ้น ศุภาลัย หรือ SPALI เป็นหุ้นในกลุ่มธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ตอนนี้ธุรกิจกำลังฟื้นตัวแล้ว สะท้อนจากโครงการลงทุนต่างๆ ที่อยู่ในทำเลที่ดี และที่สำคัญบริษัทกำลังลงทุนโครงการแนวราบในเขตพื้นที่ภาคตะวันออกที่กำลังได้รับอานิสงส์จากโครงการเขตเศรษฐกิจพิเศษ (EEC)

'อย่างไรก็ตาม ในช่วงที่ออกมาก่อตั้งธุรกิจของตัวเอง ไม่ค่อยได้ลงทุนมาก เนื่องจากไม่มีเวลาในการติดตามศึกษาดูข้อมูล ซึ่งปัจจุบันตัวเองเปิดพอร์ตหุ้นดูเดือนละครั้งเท่านั้น !!' 

๐ ลุยปั่น 'CPanel' ขึ้น Top3

'นายใหญ่ซีแพนเนล' เล่าให้ฟังว่า บริษัท ซีแพนเนล จำกัด (CPanel) ผู้ผลิตและจำหน่ายผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ภายใต้เครื่องหมายการค้า 'CPanel' สำหรับงานก่อสร้างทุกประเภท ทั้งโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงงานอุตสาหกรรม ระบบสาธารณูปโภคและงานโครงสร้างพื้นฐาน โดย 'จุดเริ่มต้น' ของ CPanel อยู่ระหว่างที่ช่วยงานคุณพ่อที่ CCP

ตอนนั้นมีโอกาสได้ศึกษางานด้านเทคโนโลยีการก่อสร้างไปด้วย ทำให้ได้รู้ว่าในอนาคตจำเป็นต้องมีเทคโนโลยี เข้ามาแทนแรงงานคนแน่นอน เพราะนับวันคนงานยิ่งหายาก และค่าแรงยิ่งเพิ่มขึ้น ดังนั้น จึงศึกษาเรื่องเทคโนโลยีอย่างจริงจัง และใช้เวลาศึกษาอยู่ 2 ปี ไล่มาตั้งแต่ศึกษาทั้งตัวโรงงาน เครื่องจักร และการตลาด รวมไปถึงการเลือกใช้ซอฟต์แวร์

'ยอมรับว่าใช้เวลาอยู่นาน เพราะเป็นการผลิตด้วยหุ่นยนต์ หรือระบบอัตโนมัติ หากวางแผนผิดพลาดเพียงจุดเดียวจะกระทบหมด จึงต้องใช้เวลาศึกษาให้ละเอียดและต้องรอบคอบเพื่อให้เกิดความมั่นใจ ให้คุ้มค่าเงินลงทุนที่ค่อนข้างสูงถึงประมาณกว่า 600 ล้านบาท'

ปี 2556 'ชาคริต' เปิดบริษัท ซีแพนเนล จำกัด โดยใช้เทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automatic ทุกขั้นตอนจะถูกควบคุมโดยระบบคอมพิวเตอร์ จะมีการตรวจสอบคุณภาพตั้งแต่การออกแบบด้วยระบบ Real 3D ทำให้เห็นสินค้าในรูปแบบเสมือนจริง ซึ่งมีความทันสมัยและได้รับการยอมรับในระดับสากล และเป็นรายแรกในประเทศไทย ที่ได้นำเทคโนโลยีนี้เข้ามาใช้เพื่อตอบโจทย์ให้กับอุตสาหกรรมก่อสร้างยุคใหม่

โดยบริษัทมีการจำหน่ายสินค้าไปกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย 2 กลุ่มคือ 1.กลุ่มลูกค้าเจ้าของโครงการอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งถือว่าเป็นพันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท กลุ่มลูกค้าเป็นผู้ประกอบการอสังหาฯ รายใหญ่ในตลาดหลักทรัพย์ฯ และ 2.กลุ่มลูกค้าทั่วไป ซึ่งปัจจุบันมีแนวโน้มความต้องการ (ดีมานด์) ใช้งานผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเพิ่มมากขึ้นในอนาคต

สำหรับผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป มี 2 แบบ ประกอบด้วย 'ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป และ แผ่นพื้นคอนกรีตสำเร็จรูป' ด้วยระบบการผลิตแบบ Fully Automatic ทำให้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทมีคุณภาพสม่ำเสมอมีความคงทนแข็งแรง ใช้ระยะเวลาติดตั้งที่สั้น และบริษัทยังสามารถผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีขนาดใหญ่สุดถึง 50 ตารางเมตร (4 เมตร X 12.5 เมตร) สามารถออกแบบและผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปที่มีรูปแบบและคุณสมบัติเฉพาะตามความต้องการของลูกค้า เช่น การเว้นช่องว่างตามขนาดของประตูหรือหน้าต่าง การจัดรูปทรงผนังตามรูปแบบของลูกค้า

ทั้งนี้ มองว่าอุตสาหกรรมอสังหาฯ ปีนี้เติบโตใกล้เคียงปีก่อน จากโครงการแนวราบและแนวสูง ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นแนวราบ โดยเฉพาะบ้านเดี่ยวขนาดกลางขึ้นไป แต่ว่ามองว่าตลาดอสังหาฯ ยังมีความเสี่ยงจากมาตรการคุมเข้มของการปล่อยสินเชื่อ รวมถึงปัจจัยทางเศรษฐกิจทั้งในและต่างประเทศ

'ปัจจัยดังกล่าวส่งผลให้ผู้ประกอบการอสังหาฯ และบริษัทรับเหมาขนาดใหญ่ ต้องมีการปรับตัวลดต้นทุนการก่อสร้าง ลดจำนวนแรงงาน บริหารความเสี่ยง และใช้วัสดุที่ทำให้การก่อสร้างเสร็จเร็วมากขึ้น ซึ่งถือเป็นโอกาสของบริษัทในการเติบโตในปีนี้' 

ทั้งนี้ ช่วงหลายปีที่ผ่านมาผลิตภัณฑ์ผนังคอนกรีตสำเร็จรูป ได้รับความนิยมและการยอมรับเพิ่มขึ้นมาก จากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาในประเทศไทย ที่เริ่มปรับตัวใช้ผนังคอนกรีตสำเร็จรูปแทนวัสดุอื่น ซึ่งปัจจุบันมีโรงงานผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปเกิดขึ้นจำนวนมากตามความต้องการใช้งาน แต่ยังมีผู้ผลิตรายใหญ่มีเพียงไม่กี่ราย

โดย CPanel ถือเป็นบริษัทที่มีศักยภาพในการแข่งขัน โดยผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปด้วย 'หุ่นยนต์' (AI) ที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรการผลิตระบบ Fully Automatic เพียงรายเดียวที่สามารถออกแบบและขึ้นงานได้ตามความต้องการของลูกค้า มีการบริหารจัดการและควบคุมงานที่มีประสิทธิภาพ และด้วยการผลิตที่ได้มาตรฐานทำให้ลดการเกิดปัญหาหน้างาน

อีกทั้งไม่ส่งผลกระทบต่อผู้อยู่อาศัย ซึ่งบริษัทได้รับความไว้วางใจจากผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์และผู้รับเหมาชั้นนำจำนวนมาก จนสามารถเป็นผู้นำตลาดผนังคอนกรีตสำเร็จรูป อันดับต้นๆ ของประเทศปัจจุบันมี “มูลค่าตลาดรวม” กว่า 20,000 ล้านบาทและมีแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง

สำหรับกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในปีนี้ CPanel ยังคงรักษาฐานลูกค้าเดิมและเดินหน้าทำตลาดแนะนำผลิตภัณฑ์กับลูกค้ารายใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยจะเน้นกลุ่มผู้พัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีรูปแบบโครงการที่หลากหลาย ขณะนี้อยู่ระหว่างเจรจากับลูกค้า 5 ราย ตลอดจนโครงการก่อสร้างต่าง ๆ ของภาครัฐ โดยในปีนี้มีโครงสร้างอาคารภาครัฐเป็น Fully Prefab 1 โครงการ และ เป็น Façade 2 โครงการ

ทั้งนี้ ในปี 2561 บริษัทมียอดขายจำนวน 261 ล้านบาท และคาดว่าปี 2562 ยอดขายจะเพิ่มขึ้นเป็น 318 ล้านบาท เติบโต 20-30% ขณะนี้มีมูลค่างานในมือ (backlog) ประมาณ 501 ล้านบาท ปัจจุบัน บริษัทใช้กำลังการผลิตอยู่ที่ประมาณ 60% ลูกค้ามีทั้งโครงการแนวสูงและแนวราบ โดยส่วนใหญ่เป็นลูกค้าที่อยู่ต่างจังหวัด โดยเฉพาะจังหวัดชลบุรี

'ปัจจุบันบริษัทมีลูกค้าจำนวน 15 ราย มี Backlog ประมาณ 501 ล้านบาท ทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2563 ขณะที่กำลังการผลิตผนังคอนกรีตสำเร็จรูปของบริษัทอยู่ที่ประมาณ 60% และตั้งเป้าอัตราการเติบโตปี 2562 อยู่ที่ 20-30% หรือมีรายได้รวมอยู่ที่ประมาณ 318 ล้านบาท' 

สำหรับเรื่องการเข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ 'ชาคริต' บอกว่ามีแผนอยู่แล้ว แต่ยังไม่ทำในตอนนี้ เพราะยังต้องรอสัญญาณบางตัว เช่น ยอดสั่งซื้อที่มากกว่ากำลังการผลิต หรือการขยายตัวของตลาดอสังหาฯ และปัจจัยอื่น มาประกอบก่อนตัดสินใจอีกด้วย

ท้ายสุด 'ชาคริต' ทิ้งท้ายไว้ว่า ผมจะไม่นิ่งนอนใจรอ เพื่อปรับตัวตามเทคโนโลยี แต่ผมจะต้องหาวิธีประยุกต์เทคโนโลยีมาพัฒนาระบบต่างๆ เพื่อให้ CPanel เป็นผู้นำตลาดต่อไปอย่างยั่งยืนในอนาคต...