ร้อง 'ปทส.' โวยตกเป็นแพะ ถูกขบวนการตัดไม้พะยูงแอบอ้างจนติดคุก

ร้อง 'ปทส.' โวยตกเป็นแพะ ถูกขบวนการตัดไม้พะยูงแอบอ้างจนติดคุก

"อัจฉริยะ" พาเมียผู้เสียหายร้อง "ปทส." หลังสามีเป็นแพะถูกขบวนการตัดไม้พะยูงนำสำเนาบัตรปชช.แอบอ้างกับจนท. จนถูกคุมขัง ด้านตร.ขอเวลาตรวจสอบทุกขั้นตอน

ที่กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (บก.ปทส.) เมื่อเวลา 11.00 น. วันที่ 9 สิงหาคม นายอัจฉริยะ เรืองรัตนพงษ์ ประธานชมรมช่วยเหลือเหยื่ออาชญากรรม พร้อมนางใบพร ชัยสวัสดิ์ อายุ 45 ปี ภรรยานายสมควร ช้างสาร พร้อมครอบครัว เข้าร้องทุกข์ต่อ พล.ต.ต.ปัญญา ปิ่นสุข ผบก.ปทส. กรณีนายสมควร ตกเป็นแพะในคดีที่ถูกขบวนการตัดไม้พะยูงนำสำเนาบัตรประชาชนไปแอบอ้างกับพนักงานสอบสวน สภ.นาดี และ สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี จนนายสมควรต้องถูกคุมขังอยู่ในเรือนจำกบินทร์บุรี

นายอัจฉริยะ กล่าวว่า กล่าวว่า เมื่อวันที่ 10 มิถุนายน 2561 ตำรวจ สภ.วังตะเคียน จ.ปราจีนบุรี ได้จับกุมนายสมใจ กับนายตุ้ย วระลาส ชาวลาว ฐานลักลอบตัดไม้พะยูงได้ โดยน.ส.ชฏาพร ภรรยานายตุ้ย ซึ่งได้นำสำเนาบัตรประชาชนของนายสมควร มาให้พนักงานสอบสวน โดยอ้างว่าเป็นสามี กระทั่งนำสำนวนส่งอัยการฟ้องศาลกบินทร์บุรี และตัดสินจำคุกนายตุ้ย ด้วยชื่อนายสมควร เป็นเวลา 2 ปี 18 วันโดยรอลงอาญาไว้ก่อน

นายอัจฉริยะ กล่าวต่อมาวันที่ 28 พฤศจิกายนปีเดียวกัน นายตุ้ยได้นำรถยนต์กระบะของนายสมควร ออกมาใช้ก่อเหตุลอบขนไม้พะยูง โดยตำรวจสภ.นาดี ได้ติดตามจับกุมนายตุ้ย ซึ่งไหวตัวทันและทิ้งรถยนต์แล้วหลบหนีไป เมื่อตำรวจไปค้นภายในรถ พบโทรศัพท์มือถือที่นายตุ้ยทิ้งไว้ ก่อนตรวจสอบพบว่าซิมโทรศัพท์ดังกล่าวถูกเปิดใช้ด้วยชื่อนายสมควร จนกระทั่งตำรวจติดตามจับกุมนายสมควร ได้ที่ย่านทองหล่อของกรุงเทพฯ แม้นายสมควร จะระบุว่าในวันเวลาที่เกิดเหตุ ตนยังทำงานเป็นผู้รับเหมาประปา ที่รพ.ศิริราช ซึ่งมีหลักฐานการสแกนมือเข้างานทุกครั้ง โดยมีนายจ้างออกหนังสือยืนยัน แต่ที่สุดแล้วนายสมควร ก็ถูกขังตั้งแต่เดือนมิถุนายนที่ผ่านมา โดนจะประสานทั้งสองโรงพักให้ชี้แจงกับทางตำรวจภูธรจังหวัดปราจีนบุรีอีกครั้ง ในวันที่ 13 สิงหาคมนี้

ด้านนางใบพร กล่าวว่า นายตุ้ยกับสามีตน เป็นญาติห่างๆ กัน แต่นายตุ้ยไม่มีบัตรประชาชน เนื่องจากเป็นชาวลาว และได้เข้ามาอาศัยอยู่ด้วยกันกับครอบครัวตนตั้งแต่ปี 2542 จนปัจจุบันลูกของนายตุ้ยมีอายุราว 20 ปีแล้ว โดยในช่วงเวลานั้น นายสมควรไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่ไปทำงานที่ประเทศอินโดนิเซีย ซึ่งยังไม่ทราบว่านายตุ้ยได้นำบัตรประชาชนของนายสมควร ไปเมื่อไหร่อย่างไร

ขณะที่พล.ต.ต.ปัญญา กล่าวว่า เบื้องต้นตอนนี้มีหลักฐานว่า นายตุ้ยเป็นผู้ต้องหาในคดีนี้ชัดเจน ต่อจากนี้จะประสานท้องที่ให้ตรวจสอบข้อมูลทางโทรศัพท์มือถือของนายตุ้ย ที่พบอีกครั้งว่านายสมควรไปเกี่ยวข้องกับคดีนี้ และเป็นการสวมบัตรประชาชนหรือไม่ โดยจะตรวจสอบในทุกขั้นตอนตั้งแต่ชั้นพนักงานสอบสวน อัยการและศาล