ตรวจวงจรปิด ไม่พบเบาะแสคนร้าย ป้ายยารูดทรัพย์นับหมื่น คาตลาดทม.บ้านไผ่

ตรวจวงจรปิด ไม่พบเบาะแสคนร้าย ป้ายยารูดทรัพย์นับหมื่น คาตลาดทม.บ้านไผ่

ผกก.สภ.บ้านไผ่ ยันไม่พบเบาะแสคนร้าย ก่อเหตุใช้ยาที่ทำให้มึนงง ป้ายตัวหญิงวัย 46ปีแล้วรูดทรัพย์เงินสดและแหวนทองในตลาดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ขณะแนวทางการสืบสวนสอบสวนตั้ง3ประเด็น

ที่สถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น พ.ต.อ.สุวัฒน์ สมจิตร ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เปิดเผยความคืบหน้าในคดีที่นางชญานันท์ (สงวนนามสกุล) อายุ46ปี ชาว ต.โคกสำราญ อ.บ้านแฮด จ.ขอนแก่น แจ้งความว่าถูกมิจฉาชีพไม่ทราบจำนวนและรูปพรรณสัณฐาน ก่อเหตุนำยาที่สามารถทำให้มึนงงมาป้ายร่างกายตนเอง จนทำให้รู้สึกมึนงง ก่อนจะทำการรูดทรัพย์เงินสด รวมกว่า10,000บาท และแหวนทอง จำนวน2วง ที่อยู่ในกระเป๋าถือไป ในขณะที่ผู้เสียหายเดินทางเข้ามาทำธุระภายในตลาดเทศบาลเมืองบ้านไผ่ ต.ในเมือง อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เหตุเกิดในเวลาประมาณ 08.00น. วันที่5 ส.ค. ที่ผ่านมา


ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรบ้านไผ่ กล่าวว่า จากการที่เจ้าหน้าที่ตำรวจฝ่ายสอบสวนและสืบสวนได้ลงพื้นที่ตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยได้ทำการสอบถามประชาชนที่อยู่ในบริเวณตลาด รวมทั้งตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่มีอยู่ภายในตลาด โดยเฉพาะกล้องวงจรปิดที่อยู่ในเส้นทางที่ผู้เสียหายให้การในครั้งแรกว่าได้เดินผ่าน ก่อนจะมารู้ตัวว่าทรัพย์สินที่ใส่ไว้ในกระเป๋าสะพายที่นำติดตัวมาได้หายไป ซึ่งการตรวจสอบกล้อง เริ่มตั้งแต่จุดกดเงินที่ตู้เอทีเอ็มบริเวณหน้าตลาด แผงขายสลากกินแบ่งรัฐบาล ร้านขายยา และบริเวณหน้าห้องน้ำที่ผู้เสียอ้างว่าเป็นจุดสุดท้ายที่ไป ก่อนจะทราบว่าทรัพย์สินหาย แต่เมื่อเช็ควงจรปิดตามเส้นทางดังกล่าวกลับไม่พบว่ามีบุคคลต้องสงสัยเดินตาม หรือเข้าไปประชิดตัวจนสามารถที่จะรูดทรัพย์ผู้เสียหายได้ ในทางกลับกันภาพวงจรปิดกลับแสดงให้เห็นเพียงผู้เสียหายที่เดินผ่านกล้องไปเพียงลำพังเท่านั้น โดยในวันเกิดเหตุเจ้าหน้าที่ตำรวจก็ได้ทำการสอบปากคำ แต่ผู้เสียหายก็ให้การสับสนและบอกว่าจำอะไรไม่ได้ ซึ่งต่อมาก็ได้เรียกให้เข้ามาพบเพื่อให้ปากคำเพิ่มเติมที่ สภ.บ้านไผ่ แต่ท้ายสุดก็ไม่ได้ให้การเพราะผู้เสียหายและสามีอ้างว่ามีธุระจึงขอกลับไปก่อน ขณะที่การตรวจสอบกระเป๋าสะพายของผู้เสียหายในวันที่เกิดเหตุ ก็ยังพบว่ากระเป๋าเงินที่ผู้เสียหายอ้างว่าใส่เงินจำนวน 10,000 บาทไว้ ก็ยังอยู่ ตลับแหวนทองก็ยังอยู่ และเงินสดอีก 3,000 บาท ที่ใส่แยกไว้ในกระเป๋าเงินอีกใบก็ยังเหลืออยู่ทั้งกระเป๋าและเงิน ตำรวจจึงต้องสืบสวนหาเบาะแสต่อไปว่าหากเป็นการรูดทรัพย์ เหตุใดสิ่งของเหล่านี้จึงไม่ถูกคนร้ายเอาไปด้วย

อย่างไรก็ตาม ในวันนี้ได้ให้พนักงานสอบสวนเดินทางไปสอบปากคำผู้เสียหายที่บ้านในอำเภอบ้านแฮดโดยตรง เพื่อเป็นการอำนวยความสะดวกและให้ได้ข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นเพราะที่ผ่านมานับตั้งแต่เกิดเหตุ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นัดให้ผู้เสียหายมาพบเพื่อให้การเพิ่มเติม แต่ก็บอกว่าติดงาน จึงทำให้ตำรวจยังไม่สามารถสอบปากคำอย่างละเอียดได้ รวมทั้งการรอหลักฐานการกดเงินจากทางธนาคารที่ผู้เสียหายไปกดเงิน เพราะจากการถามหาสลิปการทำรายการกดเงินจากผู้เสียหายก็ไม่มี รวมทั้งผลการตรวจปัสสาวะที่ได้ส่งตรวจกับศูนย์วิทยาศาสตร์การแพทย์เพื่อหาสารเคมีที่อาจจะหลงเหลืออยู่ในร่างกายของผู้เสียหายกรณีที่ถูกป้ายยาจริง ซึ่งคดีนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ตั้งประเด็นการสืบสวนสอบสวนไว้3ประเด็น คือ การที่ผู้เสียหายอาจทำทรัพย์สินสูญหายจากที่อื่นมาก่อนหรือไม่,ผู้เสียหายนำทรัพย์ไปใช้อย่างอื่นหรือไม่ และประเด็นสุดท้ายที่ยังต้องสืบสวนต่อคือมีการป้ายยาแล้วรูดทรัพย์จริงหรือไม่ซึ่งทำทั้ง 3 ประเด็นนี้ตำรวจจะทำการสืบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงต่อไป