เด้งสลับย่อ

เด้งสลับย่อ

ความกังวล Trade war สหรัฐ-จีนที่ยังคงอยู่ รวมถึงความผันผวนของตลาดจาก Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19 ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีมีสลับอ่อนตัวลง

ลาดหุ้นวานนี้: SET Index วานนี้แกว่งตัวแคบตลอดวันก่อนจะปิดลบ -4.32 จุด (-0.26%) ปิดที่ระดับ 1,665 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 6.2 หมื่นล้านบาท เนื่องจากความกังวล Trade war สหรัฐ-จีนที่กดดันต่อเนื่องโดยล่าสุดสหรัฐเตรียมห้ามภาครัฐทำธุรกิจกับ Huawei อีกทั้งแรงขายกลุ่มพลังงานและปิโตรฯตามราคาน้ำมันดิบที่ปรับตัวลงจากความกังวล Demand ที่ลดลงิ ทั้งนี้นักลงทุนต่างชาติพลิกกลับมาซื้อสุทธิ 935 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX จำนวน 3,400 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 1,987 ล้านบาท

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลาง-บวกคาด SET ปรับตัวขึ้นทดสอบ 1,670 - 1,675 จุดก่อนจะสลับอ่อนตัว โดยภาวะตลาดได้ sentiment เชิงบวกจากตลาดหุ้นรอบบ้านที่ดีดตัวขึ้นหลังตัวเลขการนำเข้า-ส่งออกของจีนออกมาดีกว่าคาดและค่าเงินหยวนมีเสถียรภาพมากขึ้น ประกอบ Fedwatch เพิ่มคาดการณ์เป็น 74% ที่ FED จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงอีก 0.25% เป็น 2% ในการประชุม 17 – 18 ก.ย.ซึ่งจะหนุนต่อทิศทาง Fund Flow ในช่วงถัดไป อย่างไรก็ตาม ความกังวล Trade war สหรัฐ-จีนที่ยังคงอยู่ รวมถึงความผันผวนของตลาดจาก Sell on fact หลังประกาศงบ 2Q19 ซึ่งจะกดดันให้ดัชนีมีสลับอ่อนตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

  • กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (EA, BGRIM, CPALL, PLANB, MINT, MAJOR, JMT, PRM)
  • กลุ่มที่ได้ประโยชน์ดอกเบี้ยขาลง FIN (MTC, SAWAD, THANI, KTC) กลุ่มเช่าซื้อ (TISCO, TCAP, KKP)
  • หุ้น Defensive stock (INTUCH, ADVANC, BTS, TPCH ,BDMS ,GPSC ,BEM ,TTW )

หุ้นแนะนำวันนี้: AMATA (ปิด 25.25 ซื้อ/เป้า 28 บาท) ได้ Sentiment บวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจน คาดรัฐบาลใหม่เดินหน้า EEC ต่อ ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น, CPALL (ปิด 87.5 ซื้อ/เป้า 100) Top pick กลุ่มค้าปลีก ปลอดภัยจากปัญหา Trade war, SSSG ยังเป็นบวกคาดปีนี้ +3% การขยายสาขายังเป็นไปตามแผนตั้งเป้าที่ 700 สาขาต่อปี

KSS report วันนี้ANAN (ปิด 3.42 ซื้อ/เป้า 4.5 บาท), INTUCH (ปิด 64.5 ซื้อ/เป้า 75 บาท), IVL (ปิด 38.5 ซื้อ/เป้า 57 บาท), MAKRO (ปิด 37 ถือ/เป้า 38 บาท), EPG (ปิด 6.45 ถือ/เป้า 6.7 บาท), VGI (ปิด 9.7 ซื้อ/เป้า 11 บาท), VNT (ปิด 25 ซื้อ/เป้า 29 บาท)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

 (+) ดาวโจนส์บวกแรง 371 จุด ตอบรับค่าเงินหยวนเริ่มมีสเถียรภาพ และ บอนด์ยีลด์เริ่มฟื้นตัว: ดัชนีดาวโจนส์ฟื้นตัวต่อเนื่องเป็นวันที่ 2 โดยเพิ่มขึ้น 371 จุด (1.43%) ปิดที่ระดับ 26,378 จุด จาก 1) เกิด Technical rebound หลังจากที่ดัชนีร่วงแรงในช่วงก่อนหน้า, 2)ค่าเงินหยวนเริ่มมีสเถียรภาพมากขึ้น ช่วยคลายกังวลในประเด็นสงครามการค้าและสงครามค่าเงิน, Bond yield 10 ปี ของสหรัฐเริ่มฟื้นตัวช่วยลดความกังวลต่อการเกิดวิกฤติเศรษฐกิจ นอกจากนี้นักลงทุนยังตอบรับรายงานตัวเลขเศรษฐกิจจีนโดยเฉพาะการส่งออกและนำเข้าที่ออกมาดีกว่าที่ตลาดคาด (นำเข้า -5.6% Vs Consensus -9% และ ส่งออก +3.3% Vs Consensus -2%)

 (+/-) MSCI ปรับน้ำหนักการคำนวณดัชนีรอบใหม่ โดยเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนจาก 10% เป็น 15% มีผลบังคับใช้ 27 ส.ค.19 คาดกระทบ Fund flow ไหลออกจากไทยเล็กน้อย: MSCI ประกาศปรับน้ำหนักในการคำนวณดัชนีรอบใหม่ โดยจะมีการปรับเพิ่มน้ำหนักการลงทุนในตลาดหุ้นจีนขึ้นจากเดิม 10% เป็น 15% ซึ่งเป็นไปตามแนวทางที่ MSCI เคยประกาศไว้เมื่อช่วงต้นปีว่า MSCI จะเพิ่มน้ำหนักหุ้นจีนขึ้นจาก 5% เป็น 20% โดยจะทยอยเพิ่มครั้งละ 5% ทั้งหมด 3 ครั้ง คือ พ.ค., ส.ค. และ พ.ย.19 ซึ่งการปรับน้ำหนักในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้นำหนักหุ้น A-Share ของจีนในดัชนี MSCI EM ซึ่งมีไทยรวมอยู่ในนำหนักการคำนวณเพิ่มขึ้นเป็น 2.46% และจะกดดันให้น้ำหนักการลงทุนในหุ้นไทยลดลง ประมาณ 0.08% จาก 3.08% เป็น 3% หรือคิดเป็นมูลค่าเงินทุนไหลออกประมาณ 5.5 พันล้านบาท มีผลโดยใช้ราคาปิด 27 ส.ค.19 (รอบนี้ไม่หุ้นเข้าออก

(+) มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอาจจะต้องรอถึงวันที่ 19-20 ส.ค.แต่คาดตลาดจะเก็งกำไรหุ้นที่จะได้ประโยชน์ตั้งแต่สัปดาห์เป็นต้นไป: ตามที่คุณสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจระบุว่าปัจจุบันรัฐบาลอยู่ระหว่างจัดทำมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจคาดว่าจะแล้วเสร็จและนำเสนอครม.ได้ในช่วงวันที่ 19 หรือ 20 ส.ค.ปัจจัยนี้คาดว่าจะกระตุ้นให้นักลงทุนทยอยเข้าสะสมหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ตั้งแต่สัปดาห์เป็นต้นไป เบื้องต้นคาดมาตรกระตุ้นเศรษฐกิจจะยังมุ่งเน้นไปที่มาตรการเร่งด่วน อาทิ ค่าครองชีพ การประกันรายได้ภาคเกษตร บัตรสวัสดิการ เป็นบวกกับกลุ่มค้าปลีก (Top pick CPALL), มาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวที่ภาครัฐอาจจะออกมาตรการฟรีวีซ่าให้กับนักท่องเที่ยวเป็นรายประเทศ (Top pick MINT AOT) รวมไปถึงนโยบายต่อเนื่องอาทิ เมกะโปร์เจกต์ (Top pick: CK, SEAFCO) และ EEC Project (Top pick: AMATA, WHA)