'วิปรัฐบาล' ยอมรับแพ้โหวตฝ่ายค้าน เพราะปัญหาการสื่อสาร

'วิปรัฐบาล' ยอมรับแพ้โหวตฝ่ายค้าน เพราะปัญหาการสื่อสาร

"รองปธ.วิปรัฐบาล" ยอมรับแพ้โหวตฝ่ายค้าน เพราะปัญหาการสื่อสาร จ่อเสนอวิปรัฐบาลปรับการบริหารจัดการ เคลียร์ให้ชัดทุกประเด็น-รางกฎหมาย ก่อนเข้าสู่ที่ประชุม แนะพปชร.ทำความเข้าใจ 5 พรรคเล็ก หวั่นกระทบเสียงปริ่มน้ำในสภา

นายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ฐานะรองประธานกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล (วิป รัฐบาล) กล่าวถึงกรณีที่เสียงลงมติของส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล แพ้เสียงของส.ส.พรรคฝ่ายค้าน เพียง1 เสียง ระหว่างการลงมติ ข้อ 9 (1) ของร่างข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนรษฎร หมวดว่าด้วยหน้าที่และอำนาจของประธานสภาฯ ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างข้อบังคับการประชุม เพิ่มถ้อยคำจากร่างฉบับแรก ว่า และต้องเป็นกลางในการปฏิบัติหน้าที่ เมื่อช่วงเย็นวันที่ 8 สิงหาคมที่ผ่านมาว่า เป็นประเด็นที่วิปรัฐบาลต้องประสานงานและทำความเข้าใจในรายละเอียดแต่ละประเด็น รวมถึงร่างกฎหมายก่อนจะเข้าสู่การประชุมในสภาผู้แทนราษฎรให้ดีกว่านี้ ซึ่งการแพ้หรือชนะเพียง 1-2 เสียง เป็นสิ่งที่น่ากังวลสำหรับรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำ ดังนั้นในการพิจารณาประเด็นต่างๆ รวมถึงร่างกฎหมายสำคัญ หากชนะหรือ แพ้เพียง 1-2 เสียงอาจมีปัญหาได้ในอนาคต

ขณะที่การลงมติในข้อ 9(1) วิปรัฐบาลส่งสัญญาณว่าให้ส.ส.ลงมติไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มเติม เนื่องจากไม่ใช่เนื้อหาที่ควรอยู่ในหมวดว่าด้วยประธานสภาฯ รวมถึงหน้าที่และอำนาจประธานสภาฯ และที่น่ากังวลคือ เมื่อกมธ.ฯ ยอมรับการบัญญัติถ้อยคำตามที่พรรคฝ่ายค้านเสนอคำแปรญัตติ อาจจะถูกยกเป็นประเด็นประท้วงประธานที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมในการควบคุมการประชุมในกรณีวางตัวไม่เป็นกลาง ทั้งที่พฤติกรรมของการทำหน้าที่ไม่เป็นกลางนั้นไม่สามารถอธิบายหรือวินิจฉัยในรายละเอียดที่ชัดเจนได้ ดังนั้นเมื่อยืนยันการเพิ่มเติม อาจถูกยกไปเป็นประท้วงการทำหน้าที่ของประธานได้​

“ในสัปดาห์หน้า การประชุมวิปรัฐบาลต้องคุยเรื่องการบริหารจัดการ และข้อตกลงในการพิจารณาประเด็นและร่างกฎหมายที่จะเข้าสู่ที่ประชุมสภาฯ ไม่ใช่คุยแค่ว่าจะให้รับหลักการเท่านั้น เพราะในบางประเด็นมีรายละเอียดที่ต้องลงมติเพื่อตัดสิน ดังนั้นสิ่งที่ผมเคยเสนอและเตรียมจะเสนออีกครั้ง คือ การพิจารณาแต่ละเรื่องต้องมีธงที่ชัดเจนว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วย ไม่ใช่ปล่อยให้เรื่องเข้าสู่การพิจารณาไปแล้วถึงสื่อสารกันภายหลัง หรือใช้การตัดสินใจในห้องประชุมสภาฯเนื่องจากฝ่ายค้านต้องทำหน้าที่ตรวจสอบ ส่วนพรรครัฐบาลต้องเร่งการบริหารจัดการเสียงให้มีความเป็นเอกภาพ” นายชินวรณ์ กล่าว

นายชินวรณ์ ยังกล่าวถึงกรณีที่ 5 ส.ส.พรรคขนาดเล็กร่วมรัฐบาล ประกาศถอนตัวจากเป็นส.ส.พรรคร่วมรัฐบาล และขอเป็นฝ่ายค้านอิสระ โดยยอมรับว่าเป็นปัญหาที่สอดแทรกเข้ามา ส่วนการแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นซึ่งหลายฝ่ายกังวลว่าจะกระทบต่อการลงมติในสภาฯ นั้น ตนมองว่าพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล คือ พรรคพลังประชารัฐ ต้องทำความเข้าใจให้ชัดเจน เนื่องจากเสียงในสภาฯ ปริ่มน้ำมาก อย่างไรก็ตามตนเคยเสนอเรื่องดังกล่าวให้ที่ประชุมวิปรัฐบาลพิจารณาแล้วเช่นกันว่า ควรทำความเข้าใจกับทุกพรรคการเมือง เพื่อไม่ให้มีผลกระทบ