บาทแข็ง น้ำมันขึ้น

บาทแข็ง น้ำมันขึ้น

ดัชนีวานนี้ปิดในแดนลบและแกว่งในกรอบแคบๆระหว่างวัน หลังจากไร้ปัจจัยใหม่หนุน ประกอบกับยังมีแรงเทขายในกลุ่มแบงก์ใหญ่อย่างต่อเนื่อง

หลังจากที่วันก่อนหน้า กนง.ปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง  นอกจากนี้ ดัชนียังถูกกดดันจากหุ้นที่ประกาศผลประกอบการงวด 2Q62 ต่ำกว่าที่ตลาดคาด อาทิ BH SPRC และ PTTGC ประกอบกับแรงเทขายในกลุ่ม ENERG หลังจากที่ราคาน้ำมัน WTI ปรับร่วงลงแรง อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติกลับมาซื้อสุทธิกว่า 935 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,665.12 จุด (-4.32 จุด) Volume 6.3 หมื่นลบ. TFEX Net -3,400 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -1,987 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ดัชนีดาวโจนส์ปิดบวก 371.12 จุด +1.43% ขานรับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ และจีนได้กำหนดอัตราค่ากลางเงินหยวนสูงกว่าคาดการณ์ช่วยให้นักลงทุนคลายกังวลเกี่ยวกับสงครามการค้าสหรัฐ-จีน

+ราคาน้ำมันดิบ WTI ปิดบวก 1.45 ดอลลาร์ +2.8% ปิด 52.54 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับการคาดการณ์กลุ่มโอเปกอาจปรับลดกำลังการผลิตลงอีก  หลังมีรายงานว่าซาอุดีอาระเบียกำลังหารือกับประเทศผู้ผลิตน้ำมันรายอื่นเกี่ยวกับราคาน้ำมันที่ดิ่งลงในระยะนี้

+สหรัฐเผยจำนวนผู้ขอสวัสดิการว่างงานลดลง 8,000 ราย สู่ระดับ 209,000 รายในสัปดาห์ที่แล้ว ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดว่าจะทรงตัวที่ระดับ 215,000 ราย

+"สมคิด" สั่งตั้งคกก.ร่วมจากหน่วยงานดูแลเศรษฐกิจ หวังขับเคลื่อนนโยบายการเงินการคลังสอดคล้องกัน รับมือภาวะผันผวน

+/-แบงก์ชาติฟิลิปปินส์มีมติลดดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ในการประชุมวานนี้

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 4.7 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.755 บาท/US

-MSCI Rebalance ประกาศลดน้ำหนักหุ้นไทยลง0.08% มาอยู่ที่ 3%คาดเม็ดเงินไหลออกเล็กน้อย 178 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 5.5 พันล้านบาท มีผลราคาปิด 27 ส.ค.

-เดือนก.ค.ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภค 62 อยู่ที่ 75.0 ลดลงต่อเนื่องและต่ำสุดรอบ 22 เดือน ส่วนดัชนีเชื่อมั่นเศรษฐกิจโดยรวม ต่ำสุดในรอบ 17 ปีเศษเนื่องจากกังวลเสถียรภาพทางการเมือง ปัญหาสงครามการค้า และภาวะศก.ไทยที่ฟื้นตัวช้า

*จับตาสหรัฐเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนก.ค. และ EU เผย GDP ไตรมาส 2/2562

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยมีโอกาสปรับตัวขึ้นตามทิศทางตลาดต่างประเทศ โดยมีปัจจัยหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐที่เริ่มมีเสถียรภาพ ประกอบกับราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น 2.8% จะช่วยหนุนหุ้นกลุ่มพลังงาน สำหรับปัจจัยในประเทศนักลงทุนยังคงติดตามการประกาศงบของบริษัทจดทะเบียนที่จะสิ้นสุดในสัปดาห์หน้าอย่างใกล้ชิด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,660-1,675 จุด

หุ้นรายงานพิเศษ

AMA ราคาปิด 7.80 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 8.00 บาท (อยู่ในระหว่างทบทวนประมาณการเชิงบวก)

รายงานกำไร 2Q62 เท่ากับ 68.2 +182%YoY +448%QoQ (เหนือคาดกว่า 89%) จากอัตรากำไรขั้นต้น (%GPM) ที่ปรับดีขึ้นมาที่ระดับ 25%  เทียบกับ 1Q62 และ 2Q61 อยู่ที่ระดับ 15.5% และ 18.1% ขณะที่เราคาดไว้ที่ระดับ 20.5%

ความเห็น เรามีมุมมองบวกต่อเนื่องสำหรับ 2H62 เนื่องจากธุรกิจขนส่งสินค้าทางเรือ มีจำนวนเรือหยุดซ่อมบำรุงน้อยกว่า 1H62 ประกอบกับบริษัทยังมีแผนเพิ่มจำนวนรถขนส่งอีกราว 20 คัน โดยเราคาดกำไรทั้งปี 62 ราว 140 ลบ. เติบโต 56% อย่างไรก็ดี กำไร 1H62 คิดเป็น 57.6% ของประมาณการกำไรทั้งปี ดังนั้นจึงมีโอกาสปรับประมาณการเชิงบวก

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ยังคงต้องจับตา คือ 1) ความผันผวนของราคาน้ำมัน และ 2) ดัชนีค่าระวางเรือที่เริ่มปรับตัวลง

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30),หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดผลประกอบการ 2Q19 เติบโตดี (VL TACC JUBILE SABINA NER), หุ้น Defensive Stock (EASTW TTW BCH CPALL BJC),หุ้น High Dividend (SIRI QH TISCO KKP ANAN),หุ้นที่ได้ประโยชน์จากกงน.ลดดอกเบี้ย (SAWAD AEONTS SPALI SIRI JASIF DIF)

หุ้นมีข่าว   

  • กลุ่มโรงกลั่นและปิโตรเคมีประกาศงบไตรมาส 2/62 ออกมาต่ำกว่าที่ตลาดคาดทำให้มีแรงขายออกมาต่อเนื่อง ส่งผลให้มีความกังวลต่อผลประกอบการของหุ้นพลังงานที่ยังไม่ประกาศงบ TOP PTT และ BANPU
  • +/- BCP (ราคาปิด 28.25 Bloomberg Consensus 33.59) รายงานกำไร 2Q62 อยู่ที่ 528 ลบ.(ดีกว่าตลาดคาด 22%) +147%QoQ แต่ -48%YoY โดยธุรกิจโรงกลั่นอ่อนตัวตามค่าการกลั่นและขาดทุนสต๊อกน้ำมัน 107 ลบ. ขณะที่ธุรกิจผลิตปิโตรเลียมดีขึ้นและธุรกิจปั๊มน้ำมัน ด้านธุรกิจโรงไฟฟ้าทรงตัว
  • +/- PTTEP พร้อมรับมือค่าหลักประกันรื้อถอนแท่นผลิตบงกช-เอราวัณ หลังตั้งสำรองแล้วรวม 600-700 ล้านเหรียญฯ (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)
  • TPCH ราคาปิด 90 บาท “ทยอยสะสม” ราคาเหมาะสม 16.00 บาท
  • (+) รายงานกำไร 2Q62 เท่ากับ 95.45 ลบ. ตามคาด (+5.6%YoY +12.5%QoQ) เนื่องจากมีโรงไฟฟ้าหยุดซ่อมบำรุงเพียง 1 โครงการ เทียบกับ 1Q62 มีหยุดซ่อมบำรุงถึง 3 โครงการ
  • แนวโน้มทั้งปี 62 เราคาดการณ์กำไรราว 364 ลบ. +3%YoY
  • คาดจะเติบโตแรงในปี 63 +85%YoY จากโครงการ PTG ขนาด 21 MW จากปัจจุบันมีทั้ง 52.8MW โดยคาดว่าจะสร้างแล้วเสร็จ และพร้อม COD ในต้นปี 63
  • MGT ราคาปิด 96 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.40 บาท
  • (-)แจ้งกำไรสุทธิ 2Q19 เท่ากับ 13.8 ล้านบาท ต่ำกว่าที่เราคาดไว้ที่ 16.7 ล้านบาท คิดเป็น -18.8%
  • มีรายได้เท่ากับ 160.8 ล้านบาท ต่ำกว่าที่คาดราว -9% เนื่องจากเป็นช่วง Low Season ของธุรกิจ ประกอบกับลูกค้าบางรายของ Megachem Plus ได้ยกเลิก Order
  • Gross Margin อยู่ที่ระดับ 30.8% ใกล้เคียงกับที่เราคาดเนื่องจากได้รับอานิสงส์เงินบาทที่แข็งค่า ส่งผลให้การนำเข้าสารเคมีมีต้นทุนต่ำลง
  • เราคาดว่าผลประกอบการช่วงครึ่งหลังของปี ยังเติบโตได้ดี จากการได้รับคำสั่งซื้อพิเศษเข้ามาใน 3Q19 หลังโรงงานผลิตสารเคมีที่จีนถูกสั่งปิดบางส่วน เนื่องจากปัญหาสิ่งแวดล้อม ส่งผลให้ Supply ไม่เพียงพอต่อความต้องการ
  • ATP30 ราคาปิด 45 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 2.16 บาท

       (+) รายงานกำไร 11.24 ลบ. ตามคาด (+20.7%YoY -7.6%QoQ) ตามการขยายของกลุ่มลูกค้าเดิม และลูกค้าใหม่ แต่ถูกกดดันจากไตรมาสที่ผ่านมา เนื่องจากการตั้งสำรองผลประโยชน์พนักงาน

       เรายังมีมุมมองบวกสำหรับ 2H62 ที่ยังคงเติบโตต่อเนื่อง จากการขยายฐานลูกค้าใหม่อีก 1 ราย ประกอบกับได้ผลบวกจากรถหมดภาระค่าเสื่อมและหมดภาระค่าผ่อน เบื้องต้น ปี 62 เราคาดกำไร 50 ลบ. +15%YoY

+ OSP ใช้เงิน 25.5 ลบ. เข้าซื้อหุ้น 51% ในบริษัท เอเชีย เวนดิ้ง แมชชีน โอเปอร์เรชั่น จำกัด (AOC) ผู้จำหน่ายเครื่องดื่ม-อาหารผ่านเครื่องอัตโนมัติในประเทศไทย เป็นไปตามแผนที่จะสามารถเพิ่มช่องทางการขายผลิตภัณฑ์ของบริษัท ผ่านช่องทางเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (ที่มา SET NEWS)

ANAN พอใจผลงาน Q2/62 แม้กำไรลดลง 79% เหลือ 120 ล้านบาท กำไรครึ่งปีเท่ากับ 352 ล้านบาท ลดลง 52% จากส่วนแบ่งกำไรกิจการร่วมค้าหดเพราะในช่วง 2Q61 มีการโอนโครงการขนาดใหญ่ ปลายงวด 2Q62 มี Backlog 3.32 หมื่นลบ.ทยอยรับรู้ 3 ปี (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)

BAY เข้าซื้อหุ้น 50% ในบริษัท SB Finance Company (SBC) ธุรกิจไฟแนนซ์ในฟิลิปปินส์ มูลค่าการลงทุนเบื้องต้นประมาณ 1,828.2 ล้านเปโซฟิลิปปินส์ หรือคิดเป็นประมาณ 1,096.9 ล้านบาท  (ที่มา สำนักข่าวอินโฟเควสท์)