คลังควัก 1.5 หมื่นล้าน เพิ่มทุนทีเอ็มบีควบธนชาต

คลังควัก 1.5 หมื่นล้าน เพิ่มทุนทีเอ็มบีควบธนชาต

คลังชี้ต้นทุนหลังเพิ่มทุนทหารไทยเหลือ2บาทต่อหุ้นจาก 3.84 บาทต่อหุ้น ยันคุมตำแหน่งประธานแบงก์ต่อ

นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังกล่าวว่า หลังการควบรวมกิจการระหว่างธนาคารทหารไทยจำกัด(มหาชน)กับธนาคารธนชาต จำกัด(มหาชน)แล้ว กระทรวงการคลังในฐานะผู้ถือหุ้นเดิมจะเข้าถือหุ้นในสัดส่วน 18% จากเดิมถืออยู่ประมาณ 20% เป็นอันดับสามรองจากอันดับหนึ่ง คือ ไอเอ็นจีกรุ๊ปที่จะถือในสัดส่วน 21% จาก 29% อันดับสองคือธนชาต 20% โดยคลังจะใช้เงินจากกองทุนวายุภักษ์จำนวนไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาทเพื่อรักษาสัดส่วนการถือหุ้นดังกล่าว

“เงินเพิ่มทุนของกระทรวงการคลังจะนำมาจากกองทุนวายุภักษ์ไม่เกิน 1.5 หมื่นล้านบาท เมื่อลงทุนแล้ว จะทำให้ต้นทุนการลงทุนของธนาคารลดลงจากเดิมที่ลงทุนในต้นทุน 3.84 บาทต่อหุ้น ขณะนี้ จะเหลือ 2 บาทต่อหุ้น ทั้งนี้ หลังเพิ่มทุนดังกล่าวแล้ว คลังไม่มีนโยบายขายหุ้นออกไป”

ทั้งนี้ เมื่อควบรวมกิจการแล้ว จะยังคงใช้ชื่อเดิม คือ ธนาคารทหารไทย โดยกระทรวงการคลังจะมีอำนาจในการแต่งตั้งบุคคลเข้านั่งในตำแหน่งประธานคณะกรรมการธนาคารเหมือนเดิม ส่วนผู้ที่จะดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการนั้น จะเป็นหน้าที่ของฝ่ายบริหารที่จะสรรหา โดยขณะนี้ บุคคลที่จะนั่งในตำแหน่งดังกล่าว ยังเป็นบุคคลเดิมที่จะปฏิบัติหน้าที่ต่อไป

เขากล่าวว่า การควบรวมกิจการดังกล่าวจะทำให้ธุรกิจของธนาคารและภาพรวมระบบสถาบันการเงินไทยเข้มแข็งขึ้น โดยขนาดของธุรกิจธนาคารใหม่จะอยู่ที่ 1.9-2 ล้านล้านบาท อันดับที่ 6 ในระบบสถาบันการเงิน ทั้งนี้ ธนาคารทหารไทยถือว่ามีศักยภาพในการดำเนินธุรกิจลูกค้ารายใหญ่และเอสเอ็มอี ส่วนธนชาตจะมีศักยภาพดำเนินธุรกิจกลุ่มลูกค้ารายย่อย เมื่อทั้งสองแห่งรวมกิจการ จะเสริมให้ธุรกิจแข็งแกร่งยิ่งขึ้น