นายกฯ บ้านจัดสรร เสนอพักใช้ 'แอลทีวี'

นายกฯ บ้านจัดสรร เสนอพักใช้ 'แอลทีวี'

“นายกส.ธุรกิจบ้านจัดสรร” เสนอ ธปท.เว้นวรรคมาตรการแอลทีวี หลังเห็นสัญญาณกู้ไม่ผ่านเพิ่มเท่าตัวเป็น 40%

นายอธิป พีชานนท์ นายกสมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และประธานคณะกรรมการสมาคมการค้ากลุ่มอสังหาริมทรัพย์ออกแบบและก่อสร้าง สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า สภาหอการค้าฯ เห็นด้วยกับมาตรการกำกับดูแลสินเชื่อที่อยู่อาศัย (LTV) แต่อาจจะขอปรับปรุงในรายละเอียดบางข้อให้มีผลกระทบน้อยลง

โดยเสนอปรับปรุง 3 ข้อ ได้แก่ 1.ผู้กู้ร่วม เนื่องจากลูกค้ารายย่อยต้องการกู้ซื้อบ้านจะต้องมีผู้กู้ร่วม ซึ่งจะไปเกี่ยวเนื่องกับสัญญาที่ 2 และ 3 ทำให้ผู้กู้ร่วมหรือผู้ค้ำประกันอาจโดนตัดสิทธิ์กู้ที่อยู่อาศัยเอง

2.ขอเปลี่ยนสัญญาซื้อขายจากราคาจริงมาเป็นสัญญาซื้อขายราคาประเมิน แม้ธปท.จะกลัวว่า การใช้ราคาประเมินอาจจะประเมินต่ำหรือสูงเกินไป แต่ส่วนตัวมองว่า การใช้ราคาจริงจะทำให้เกิดปัญหาการกู้เกินวงเงินต่อหลักทรัยพ์ค้ำประกัน แต่การใช้ราคาประเมินน่าจะเหมาะกว่า เนื่องจากบริษัทที่ประเมินราคาเป็นบริษัทที่น่าเชื่อถือได้ เพราะอยู่ในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศ

3.ระยะเวลายังคับใช้มาตรการ LTV มองว่า ปัจจุบันภาวะเศรษฐกิจอยู่ในช่วงชะลอตัว ทำให้คนกู้ซื้อบ้านลำบากมากขึ้น แม้ว่าไม่มีมาตรการตลาดอังหาริมทรัพย์ก็ชะลอตัวอยู่แล้ว ประกอบกับตลาดอสังหาริมทรัพย์รวมภาคการก่อสร้างรับเหมาก่อสร้างมีสัดส่วนถึง 12% ของจีดีพี หากทรุดตัวลงจะฉุดทุกอย่างไปด้วย และปัจจุบันนี้ก็ไม่พบว่ามีสัญญาณการเก็งกำไรแต่อย่างใด และไม่ได้เกิด Over Supply แต่คนกู้ไม่ผ่านซึ่งมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น จากเดิมอัตราการปฏิเสธสินเชื่อ (Reject) อยู่ที่ 20% ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเป็น 40%

ดังนั้น จึงเสนอให้ธปท.อาจจะเว้นวรรคมาตรการ LTV และตั้งทีมงานมาดูแลติดตามเรื่องนี้ ซึ่งธปท.สามารถทำได้ และเมื่อสัญญาณเศรษฐกิจกลับมามีการบริโภคมากขึ้น ธปท.สามารถนำมาตรการ LTV กลับมาใช้ได้

ส่วนการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง 0.25% มองว่า เป็นผลดีต่อผู้บริโภคและผู้กู้บ้าน โดยจะช่วยลดค่าผ่อนชำระต่องวดลดลง 2% และช่วยตัดเงินต้นมากขึ้น ส่วนคนที่กำลังจะกู้เงินจะได้วงเงินเพิ่มขึ้นราว 2% แต่ปัจจุบันปัญหาอยู่ที่ว่าคนกู้ไม่ผ่าน ซึ่งคนที่กู้ไม่ผ่านไม่ค่อยมีผลกับอัตราดอกเบี้ยมากนัก แต่ให้ดอกเบี้ยแพงก็ยอมกู้ ส่วนผลต่อผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์อาจจะมีต้นทุนเงินถูกลง