'อนุทิน' ลงนามกฎหมายสธ. 3 ฉบับ ไขก๊อกกัญชา คืนสิทธิ์หมอพื้นบ้านกว่า 3 พันคน

'อนุทิน' ลงนามกฎหมายสธ. 3 ฉบับ ไขก๊อกกัญชา คืนสิทธิ์หมอพื้นบ้านกว่า 3 พันคน

1 วัน “อนุทิน” ลงนามกฎหมายสธ. 3 ฉบับ ไขก๊อกกัญชา คืนสิทธิ์หมอพื้นบ้านกว่า 3 พันคน -อนุญาตหมอพื้นบ้าน-แพทย์แผนไทยใช้กัญชารักษาโรคได้ตามภูมิปัญญา เผยสูตรน้ำมันกัญชาสูตรเดชา คกก.ควบคุมยาเสพติดฯพิจารณาอีกรอบ 13 ส.ค.นี้

เมื่อวันที่ 6 ส.ค.62 นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข(รมว.สธ.) กล่าวระหว่างการเข้าพบของหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยราว 20 คน นำโดยนายเดชา ศิริภัทร ประธานมูลนิธิข้าวขวัญว่า ตนได้ลงนามในระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน(ฉบับที่2) พ.ศ.2562 โดยกำหนดให้หมอพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ว่าด้วยการออกหนังสือรับรองหมอพื้นบ้าน พ.ศ.2555 เป็นหมอพื้นบ้านต่อไป โดยจะมีผลหลังการประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งจะทำให้หมอพื้นบ้านกว่า 3,000 คน รวมถึง นายเดชาด้วยได้รับการคืนสิทธิการรับรองเป็นหมอพื้นบ้าน โดยไม่ต้องไปผ่านกระบวนการตรวจสอบและรับรองใหม่ หลังจากก่อนหน้านี้มีการออกระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ว่าด้วยการรับรองหมอพื้นบ้าน ฉบับวันที่ 10 มิ.ย.2562 กำหนดให้ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบใหม่

“ช่วงที่ผ่านมาอาจจะมีอะไรติดขัดบ้าง เพราะเป็นการเปลี่ยนผ่านของรัฐบาล ก็ไม่อยากให้โทษใครเพราะรัฐมนตรีแต่ละคนก็จะมีนโยบายที่แตกต่างกัน แต่หากปลัด หรืออธิบดีไม่ทำตามนโยบายรัฐมนตรีก็ถือว่าบกพร่องต่อหน้าที่ หลังจากนี้เมื่อหมอพื้นบ้านได้รับการคืนสิทธิ์แล้วก็ขอให้ใช้องค์ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ และเวทมนต์คาถา ทำความสุขให้กับประชาชน ทั้งหมดที่ทำก็เพื่อประโยชน์ของประชาชน และได้รับรายงานเลขาธิการคณะกรรมการอาหารและยาว่าสูตรน้ำมันกัญชาของอ.เดชาจะเข้าสู่การพิจารณาของคณะกรรมการควบคุมยาเสพติดให้โทษอีกครั้งในวันที่ 13 ส.ค.2562”นายอนุทินกล่าว

นพ.ธเรศ กรัษนัยรวิวงค์ เลขาอย. กล่าวว่า ในวันนี้(6 ส.ค.2562) นายอนุทินยังได้ลงนามในประกาศกระทรวงสาธารณสุข อีก 2 ฉบับ ได้แก่ ประกาศกระทรวงสาธารณสุข เรื่อง กำหนดตำรับยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ที่ให้เสพเพื่อรักษาโรคหรือการศึกษาวิจัยได้(ฉบับที่2) พ.ศ.2562 และประกาศสธ. เรื่อง กำหนดผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยและหมอพื้นบ้านตามกฎหมายว่าด้วยวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ที่จะสามารถปรุง หรือสั่งจ่ายตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสมอยู่ได้(ฉบับที่2) พ.ศ.2562 โดยจะมีผลบังคับใช้หลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งทั้ง 2 ฉบับเป็นการแก้ไขจากประกาศเดิม ซึ่งจะส่งผลให้หมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยสามารถปรุงตำรับยาที่มีกัญชาเป็นส่วนผสมอยู่ได้ตามองค์ความรู้และภูมิปัญญา โดยไม่ต้องรอใช้เครื่องกัญชากลางที่กรมการแพทย์แผนไทยฯจะจัดหาให้ตามที่ประกาศฉบับเดิมกำหนด เนื่องจากในความเป็นจริงหมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยมีการใช้กัญชาในตำรับยาแผนไทยแบบหลากหลาย เช่น ใช้ใบสด ทำให้มีความสะดวกในการปรุงยาตำรับตามภูมิปัญญา

ด้านน.ส.รสนา โตสิตระกูล กรรมการมูลนิธิสุขภาพไทย กล่าวว่า มีข้อเสนอต่อรมว.สธ.ในส่วนของการปลูกกัญชา เบื้องต้นเสนอให้หมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยได้รับอนุญาตให้ปลูกกัญชาเองได้ เพื่อใช้กับผู้ป่วยเฉพาะรายของตัวเอง ก่อนที่จะขยับไปอีกขั้นในการให้ประชาชนปลูกได้เอง 6 ต้น เพราะการปลูกกัญชายังเป็นข้อโต้แย้งอยู่มากในสังคมไทย แต่หมอพื้นบ้าน เป็นผู้ที่มีใบรับรองและคุณสมบัติที่สำคัญคือจะต้องรักษาโดยไม่เก็บเงินโดยหวังผลกำไร ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญ หากหมอพื้นบ้านให้การรักษาด้วยกัญชาแล้วมีการเก็บเงินอาจถูกริบใบรับรองได้ ขณะที่แพทย์แผนไทยก็มีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพแพทย์แผนไทย เพราะฉะนั้นหากให้ 2 วิชาชีพนี้ปลูกได้ก่อน หากมีการนำไปใช้ในทางที่ผิดก็จะถูกเพิกถอนใบรับรองและใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และมีโทษทางอาญา ก็จะเป็นควบคุมโดยธรรมชาติ เชื่อว่าทั้ง 2 วิชาชีพจะไม่กล้านำกัญชาที่ปลูกไปใช้ในทางที่ผิด

“ ส่วนแนวคิดของรมว.สธ.ที่จะให้อสม.เป็นผู้ปลูกก่อนนั้น ซึ่งอสม.บางส่วนเป็นหมอพื้นบ้านและหมอแผนไทยอยู่แล้ว หากยกระดับให้ได้รับการรับรองเป็นหมอพื้นบ้านก็จะดี แต่เบื้องต้นควรเริ่มจากการอนุญาตให้หมอพื้นบ้านและแพทย์แผนไทยปลูกได้ก่อน แล้วค่อยขยับไปยังอสม.และประชาชน เพราะกัญชานั้นมีการใช้ประโยชน์ในทางภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทยมากลายร้อยปี”น.ส.รสนากล่าว

นายเดชา กล่าวว่า เชื่อว่าหมอพื้นบ้านกว่า 3 พันคนจะทำหน้าที่อย่างเต็มที่ในการช่วยเหลือผู้ป่วย โดยเฉพาะการใช้กัญชาในการรักษาตามภูมิปัญญาแพทย์แผนไทย โดยเฉพาะอย่างยิ่งกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยฯ เพราะเชื่อว่าระยะสั้นการชั้กญชาทางการแพทย์แผนไทยจะได้ประโยชน์และเข้าถึงได้มากกว่า ส่วนแพทย์แผนปัจจุบันจะวิจัยพัฒนาให้สู้กับทั่วโลกก็ทำไป