นายกฯ เชิญชวนประชาชน 7 กลุ่มเสี่ยง ฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่

เช้าวันนี้ (6 สิงหาคม 2562) ที่ทำเนียบรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และคณะรัฐมนตรี รับการฉีดวัคซีนป้องกันไข้หวัดใหญ่ พร้อมเชิญชวนประชาชนกลุ่มเสี่ยงเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ เพื่อลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน โดยเฉพาะช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย มีฝนตกในหลายพื้นที่ และสลับกับอากาศร้อน อาจทำให้ประชาชนเจ็บป่วยได้ง่าย

กระทรวงสาธารณสุข ได้จัดบริการฉีดวัคซีนป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่แก่ประชาชนกลุ่มเสี่ยง 7 กลุ่ม ได้แก่ 1.หญิงตั้งครรภ์ 4 เดือนขึ้นไป 2.เด็กอายุ 6 เดือน ถึง 2 ปี 3.ผู้ที่มีโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง หอบหืด หัวใจ หลอดเลือดสมอง ไตวาย ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัดและผู้ป่วยเบาหวาน 4.ผู้ที่มีอายุ 65 ปีขึ้นไป 5.ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 6.ผู้ป่วยธาลัสซีมีย ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ติดเชื้อ HIV ที่มีอาการ 7.ผู้ที่มีโรคอ้วน น้ำหนักตัวมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือค่าดัชนีมวลกาย (BMI) มากกว่า 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร เพื่อลดความรุนแรงและภาวะแทรกซ้อน ตั้งแต่บัดนี้จนถึง 31 ส.ค. 62 นี้ ที่สถานบริการสาธารณสุขของรัฐใกล้บ้าน

โรคไข้หวัดใหญ่ สามารถติดต่อกันได้ง่าย จากการไอหรือจามรดกัน โดยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลายหรือเสมหะของผู้ป่วย หลังรับเชื้อมักมีอาการทันทีหรือประมาณ 1-2 วัน จะมีอาการไข้สูง ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามเนื้อตัว มีน้ำมูก คัดจมูก ไอ จาม เจ็บคอ อ่อนเพลีย หากประชาชนมีอาการดังกล่าว ควรรีบไปพบแพทย์ โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยง ควรดูแลเป็นพิเศษเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อน

สำหรับวิธีการป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่ ขอแนะนำให้ประชาชนยึดหลัก ปิด ล้าง เลี่ยง หยุด ได้แก่ ปิด คือปิดปากและ ปิดจมูก เมื่อไอ จาม ต้องใช้หน้ากากอนามัย ผ้า หรือกระดาษทิชชูปิดปากและจมูกทุกครั้ง ล้าง คือ ล้างมือบ่อยๆ ด้วยน้ำและสบู่หรือใช้เจลแอลกอฮอล์ เมื่อสัมผัสสิ่งของ เช่น กลอนประตู ลูกบิด ราวบันได เลี่ยง คือ หลีกเลี่ยงการคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย และ หยุด คือ เมื่อป่วย ควรหยุดเรียน หยุดงาน แม้จะมีอาการไม่มากก็ควรหยุดพักรักษาตัวอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหายเป็นปกติ และกลุ่มเสี่ยงขอให้ปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัด

ทั้งนี้ สถานการณ์โรคไข้หวัดใหญ่ในปีนี้ ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม - 30 กรกฎาคม 2562 พบผู้ป่วย 211,551 ราย เสียชีวิต 16 ราย ผู้ป่วยส่วนใหญ่อยู่ในกลุ่มอายุ 10-14 ปี ลองลงมา 7-9 ปี และ 25-34 ปี ส่วนจังหวัดที่พบผู้ป่วยสูงที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่ ระยอง กรุงเทพมหานคร จันทบุรี เชียงใหม่ และนครปฐม ตามลำดับ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สายด่วนกรมควบคุมโรค โทร.1422