'แกร็บ-เก็ท' เร่งขยายบริการ ชิงผู้นำแอพ ‘เดลิเวอรี’

'แกร็บ-เก็ท' เร่งขยายบริการ ชิงผู้นำแอพ ‘เดลิเวอรี’

บริการแอพส่งอาหารแข่งดุ สองบริษัทเทคโนโลยี “แกร็บ-เก็ท” เร่งโหมกระแสตลาด ขยายบริการ ชิงฐานลูกค้า หลังสร้างฐานที่มั่นได้ในกทม.

“แกร็บ” เดินเกมสยายปีกสู่หัวเมืองใหญ่ต่างจังหวัด ด้าน “เก็ท” เข้ามาแบบช้าๆ แต่เน้นชัวร์ ล่าสุดคว้า “ธนาคารไทยพาณิชย์” เป็นพันธมิตรช่วยเสริมแกร่งธุรกิจบริการการขนส่ง-ติดปีกบริการทางการเงิน

ปีนี้การแข่งขันในตลาดบริการขนส่ง รวมถึงเดลิเวอรีในประเทศไทยเติบโตอย่างก้าวกระโดด ยิ่งในยุคที่การจราจรติดขัด อากาศร้อน ที่จอดรถหายาก ตลาดยิ่งมีการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญ ในตลาดนี้ผู้เล่นที่มีการขยับตัวอย่างน่าสนใจหนีไม่พ้นรายใหญ่ “แกร็บ” ท้าชิงโดย “เก็ท” น้องใหม่ไฟแรง ที่น่าจับตามองว่าจะเข้ามาสร้างความเปลี่ยนแปลง หรือเพิ่มสีสันให้กับสมรภูมิที่กำลังแข่งขันกันดุเดือดนี้ได้มากน้อยเพียงใด...

แกร็บ มุ่งสยายปีกทั่วประเทศ

นายธรินทร์ ธนียวัน กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย กล่าวว่า ครึ่งปีหลังมุ่งขยายบริการจัดส่งอาหาร “แกร็บฟู้ด” โดยจะทำตลาดเชิงรุกมากขึ้น ต่อยอดจากปัจจุบันที่ครองตำแหน่งผู้นำมีส่วนแบ่งการตลาดเกิน 50% นอกจากพื้นที่กทม.และหัวเมืองใหญ่มีแผนขยายพื้นที่บริการไปยังส่วนอื่นๆ ที่มีศักยภาพทั่วประเทศ

เขากล่าวว่า ตลาดยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น มีโอกาสเติบโตสูง ครึ่งปีหลังจะยิ่งได้เห็นการแข่งขันที่รุนแรงมากขึ้น ส่วนของแกร็บเดินหน้าพัฒนาอีโคซิสเต็มส์ “ซูเปอร์แอพ” ขยายการให้บริการที่ครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์บนดิจิทัล ออนไลน์ทูออฟไลน์ ลงทุนเพิ่มเพื่อขยายบริการสู่ตลาดต่างจังหวัด

แกร็บให้บริการในไทยมาแล้ว 6 ปี ผลสำเร็จที่ได้ รวมบริการการเดินทาง ส่งอาหาร และส่งพัสดุต่างๆ มียอดเรียกใช้บริการกว่า 320 ล้านครั้งใน 16 จังหวัด 18 เมือง พันธมิตรผู้ขับขี่หลักหลายแสนคนสามารถสร้างรายได้ได้มากกว่าค่าแรงขั้นต่ำ ร้านอาหารมียอดขายเพิ่มขึ้นชัดเจน

“เราหวังทำให้บริการสั่งอาหารแบบออนดีมานด์เข้าถึงผู้ใช้งานได้ทั่วประเทศ ทั้งคนไทยและนักท่องเที่ยว ผลักดันให้พันธมิตรมีรายได้เพิ่ม ร้านค้าออฟไลน์มาอยู่ในระบบออนไลน์มากขึ้น”

ยึดผู้นำแอพสั่งอาหาร

สถิติระบุว่า ปี 2562 แกร็บสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ทำยอดสั่งอาหารได้กว่า 4 ล้านออร์เดอร์ภายใน 4 เดือนแรกของปี แซงหน้าความสำเร็จเมื่อปี 2561 ที่มียอดสั่งอาหารตลอดทั้งปี 3 ล้านออเดอร์ ตลอดทั้งคาดว่ามีโอกาสทำได้ถึง 20 ล้านออเดอร์

แกร็บระบุว่า แกร็บฟู้ดขึ้นไปเป็นผู้นำตลาดเมื่อเดือนต.ค.2561 หรือใช้เวลาเพียง 8 เดือน นับจากเปิดตัวอย่างเป็นทางการในเดือนก.พ. สอดคล้องกับผลวิจัยโดยกันตาร์เมื่อเดือนก.พ.ที่เผยว่า แกร็บฟู้ดขึ้นแท่นแพลตฟอร์มการสั่งอาหารผ่านแอพพลิเคชั่นอันดับ 1 ของผู้บริโภคในไทย

จุดแข็งของแกร็บมาจากจำนวนพันธมิตรผู้ส่งอาหารและพันธมิตรร้านอาหารที่มีมากกว่าผู้เล่นรายอื่นๆ นับจากม.ค.2561 ถึงเม.ย. 2562 จำนวนผู้ส่งอาหารเพิ่มขึ้น 55 เท่า พันธมิตรร้านค้าเติบโต 250 เท่า

นอกจากนี้ มี “เซ็นทรัลกรุ๊ป” เป็นอีกหนึ่งตัวจักรที่ช่วยเพิ่มความแข็งแกร่งธุรกิจ จากที่เมื่อ 31 ม.ค. ที่ผ่านมา กลุ่มเซ็นทรัลได้ปิดดีล 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6,200 ล้านบาท เพื่อลงทุนในแกร็บ ประเทศไทย มุ่งสร้างแพลตฟอร์มออมนิแชนแนลทำให้สินค้าและบริการต่างๆ ของเซ็นทรัลอยู่บนแอพของแกร็บ มีการต่อยอดการให้บริการไปยังการส่งอาหารจากแบรนด์ในเครือ ร้านค้าในห้าง ด้านโลจิสติกส์ ส่งพัสดุแบบออนดีมานด์ และบริการเดินทางเข้าออกห้างสรรพสินค้าและโรงแรมในเครือ

เก็ท เร่งปูพรมทั่วกทม.

นายภิญญา นิตยาเกษตรวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริการและผู้ร่วมก่อตั้ง เก็ท(GET) แอพพลิเคชั่นเรียกรถสัญชาติอินโดนีเซีย กล่าวว่า 3 บริการหลักในประเทศไทยของเก็ท ประกอบด้วย บริการเรียกวิน “GET WIN” ส่งพัสดุ “GET DELIVERY” และสั่งอาหาร “GET FOOD” ล่าสุดอยู่ในช่วงทดลองให้บริการอีมันนี่ “GET PAY” ด้วย ปัจจุบันมีร้านอาหารพันธมิตรกว่า 20,000 ร้าน ตั้งแต่สตรีทฟู้ดไปจนถึงระดับมิชลินสตาร์ มีคนขับวินมอเตอร์ไซค์ที่ลงทะเบียนกว่า 20,000 คน

เก็ท วางตำแหน่งเป็นออนดีมานด์แอพพลิเคชั่น ปีนี้มุ่งขยายพื้นที่บริการให้ครอบคลุมกทม. เน้นจุดที่มีหมู่บ้าน ที่อยู่อาศัยจำนวนมาก และมีความต้องการบริการฟู้ดเดลิเวอรีสูง ตั้งเป้าสร้างอิมแพ็คต่อคนขับ ร้านค้า และผู้ใช้งานอย่างน้อย 1 ล้านคน ปัจจุบันพื้นที่ให้บริการครอบคลุมแล้วทุกพื้นที่ในกทม. 50 เขต และได้ขยายไปถึง 3 ฝั่งข้างเคียงโซนบางนา(สมุทรปราการ) เมืองทองธานี (นนทบุรี) และราชพฤกษ์ (นนทบุรี)

เก็ทมีมุมมองว่า ตลาดประเทศไทยเป็นบลูโอเชียน แม้มีคู่แข่งหลายรายแต่ยังไม่เพียงพอต่อความต้องการผู้บริโภค เก็ทจึงสามารถเติบโตอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันมียอดดาวน์โหลดรวมแล้วกว่า 1 ล้านครั้ง เติบโตกว่า 230%

“ตลาดยังมีช่องว่างอีกมาก เทียบกับประชากรในกทม.สัดส่วนผู้ใช้บริการเรียกรถและฟู้ดเดลิเวอรี่มีอยู่เพียง 2-3% ดังนั้นธุรกิจจะสามารถเติบโตได้ต่อเนื่อง เป็นตัวเลขสองหลัก”

เก็ท ก่อตั้งโดยทีมงานคนไทย ได้รับการสนับสนุนด้านเทคโนโลยี ความเชี่ยวชาญ และเงินลงทุนจาก “โกเจ็ก” ประเทศอินโดนีเซีย เปิดตัวอย่างเป็นทางการเมื่อเดือนก.พ.2562 ล่าสุดได้ “ธนาคารไทยพาณิชย์” มาร่วมลงทุนในโกเจ็ก(GOJEK) และเป็นพันธมิตรทางธุรกิจกับเก็ทเพื่อร่วมกันผลักดันการเติบโตระบบนิเวศดิจิทัลไลฟ์สไตล์ให้เกิดขึ้นในกลุ่มคนขับ ร้านค้า และผู้ใช้งาน

พร้อมเพิ่มโอกาสการเข้าถึงบริการทางการเงิน (Financial Inclusion) เสริมแกร่งโซลูชั่นการชำระเงิน และบริการทางการเงินอื่นๆ หลังจากนี้มุ่งสร้างประสบการณ์ด้านการชำระเงินแบบไร้รอยต่อ(Seamless Payment Experience) เชื่อมโยงและต่อยอดธุรกิจเข้ากับพันธมิตรของธนาคาร