Safe & Smart สูตรเปลี่ยนโลกการเดินทางของ ‘HISOBUS’

Safe & Smart สูตรเปลี่ยนโลกการเดินทางของ ‘HISOBUS’

แท็กไลน์ Safe and Smart Journey ถือว่าสามารถอธิบายถึงความเป็นตัวตนของ HISOBUS (ไฮโซบัส) ในเวลานี้ได้ดีที่สุด

เพราะคนเดินทางส่วนใหญ่มักจะมองหาความสะดวกสบายในการหารถ จองรถเป็นลำดับแรก แต่คำถามถัดไปก็คือ มีความปลอดภัยแค่ไหน?

“ศุภกร เกียรติแสงทอง” ผู้ก่อตั้ง & ซีอีโอ และ “จีรยุทร สุดเจริญ” ผู้ร่วมก่อตั้ง & ซีเอ็มโอ บอกว่าแม้ ไฮโซบัส จะเริ่มต้นด้วยการทำหน้าที่ “แมชชิ่ง ” ระหว่างผู้ใช้บริการกับผู้ให้บริการรถบัสและรถตู้ แต่ก็มองเห็นว่าเพียงแค่นี้ใครๆก็ทำได้ สุดท้ายแล้วทุกๆการเดินทางต้องขึ้นอยู่กับ “2 S” ก็คือ Safe กับ Smart

ไฮโซบัส มีจุดเริ่มต้นมาจากศุภกร ที่ต้องการจะต่อยอดธุรกิจครอบครัวที่เดิมทำธุรกิจรถบัสซึ่งเป็นธุรกิจที่ใครๆก็มองว่าอยู่ในช่วง “ขาลง” เขาเลยคิดนำเอาเทคโนโลยีมาช่วยปลุกให้มันฟื้นขึ้นมาได้ใหม่

"ตอนแรกผมทำงานประจำ เป็นเซลล์ ก็เลยทำงานไปด้วยและลองทำไฮโซบัสไปด้วย โดยการเปิดเว็บไซต์เพื่อเทสต์ตลาด ตอนนั้นก็ไม่อะไรมากแค่มีหน้าเว็บและเบอร์โทรศัพท์เพื่อให้คนติดต่อจองรถเข้ามา ผมลองทำอยู่ประมาณ 6 เดือนก็เห็นว่ามันทำรายได้ได้จริง ๆ ก็เลยชวนเพื่อนๆ ซึ่งก็คือ จีรยุทร และ จักพันธ์ เพชรแอน มาทำด้วยกัน"

อย่างไรก็ดี ศุภกรบอกว่า แรกๆก็ไม่ได้คิดเอาไฮโซบัสลงในลู่วิ่งของ “สตาร์ทอัพ” แต่พอทำไปทำมาสักพักก็เริ่มเห็นว่าน่าจะทำธุรกิจโมเดลสตาร์ทอัพได้ ซึ่งจะสามารถทำให้ธุรกิจสเกลได้อย่างรวดเร็ว  จีรยุทธ เล่าว่า พวกเขาก็เลยมาคิดกันต่อถึงก้าวต่อไปว่าจะทำอย่างไรถึงจะสร้างความแตกต่างในตลาดและทำให้ดียิ่งขึ้นกว่าเดิม ทำให้จากเว็บไซต์ธรรมดาก็ก้าวสู่ “แพลตฟอร์ม” ไฮโซบัส เพื่อตอบโจทย์เพนพ้อยท์ที่มีอยู่ในตลาด

"ปัญหาที่เกิดขึ้นเวลาที่คนต้องการจะหาเช่ารถบัสหรือรถตู้สักหนึ่งคัน ก็คืออยากจะได้ดีลที่ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นราคา บริการ คนขับ เมื่อก่อนคนเช่าอาจจะมีเจ้าประจำ หรือถ้าอยากหาผู้บริการรายใหม่ๆก็ต้องค้นหารายชื่อเอามาเทียบราคากันซึ่งก็ยุ่งยากต้องเสียเวลาเป็นชั่วโมง ดังนั้นในเฟสแรกของแพลตฟอร์มไฮโซบัสจึงว่าด้วยการบุ๊คกิ้ง เพื่อตอบโจทย์เทรนด์ในยุคปัจจุบันที่ต้องการความสะดวกสบาย ต้องการความรวดเร็ว คือเข้ามาในแพลตฟอร์มเราเพียงแค่ 3-5 นาทีก็จบทุกโปรเซส ตั้งแต่เลือกรถ เลือกเส้นทางว่าจะไปไหน ไปเมื่อไหร่ จนไปถึงขั้นตอนการจ่ายเงิน"

บิสิเนสโมเดลของไฮโซบัสได้มาจากค่าบุ้คกิ้งฟี 15% จากฝั่งยูสเซอร์ ปัจจุบันแพลตฟอร์มมีรถบัสจำนวนกว่า 2 พันคัน และรถตู้ประมาณ 1 พันคันวิ่งบริการทั่วประเทศไทย ซึ่งเป็นการไปจับมือเป็นพาร์ทเนอร์กับผู้ประกอบการรถบัสและรถตู้รายอื่นๆ แต่ก็ได้มีการสกรีนเป็นอย่างดี ไม่ว่าจะเป็นอายุการใช้งานของรถที่จะเข้ามาอยู่ในแพลตฟอร์มต้องไม่เกิน 5 ปี รวมถึงประวัติต่างๆของคนขับโดยเฉพาะประวัติอาชญากรรม

"ความท้าทายของเราช่วงแรกๆ มักจะเป็นคำถามที่ว่าทำไมต้องจองกับเรา คำตอบก็คือ ลูกค้าจะได้รถที่ดีที่สุดที่เขาต้องการ ทั้งราคา คุณภาพ เราจะทำหน้าที่เป็นตัวกลางคอยเลือกสรรให้ ตอนนี้เราได้แบ่งรถออกเป็น 4 เกรด เริ่มจากลักชัวรี ซึ่งจะมีเบาะเป็นระบบไฟฟ้า ระดับพรีเมี่ยม ระดับสแตนดาร์ด และระดับไทยสไตล์ที่เป็นรถพัดลม สำหรับกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อไม่มาก เช่นนักศึกษาที่จะเดินทางไปรับน้อง มีงบน้อยหน่อยก็จะเป็นแบบฉิ่งฉับทัวร์"

ซึ่งไฮโซบัสได้ใช้สื่อออนไลน์สร้างความรู้จักและดึงดูดให้ลูกค้าสนใจและเข้ามาใช้บริการ กระทั่งสามารถทำให้ธุรกิจเติบโตขึ้นเรื่อยๆ อย่างไรก็ดี พวกเขายอมรับว่าธุรกิจยังขาดแผนที่ชัดเจน และไม่ได้แยกด้วยว่ากลุ่มลูกค้าเป็นใครบ้าง อันจะนำไปสู่การจัดแพ็คเก็จการขายที่เหมาะสม

"ส่วนใหญ่มากถึง 80% ลูกค้าของเราเป็นคอปอเรท เราก็เลยทำฟีเจอร์เอ็นเตอร์ไพรส์โซลูชั่นแยกออกมา ลูกค้าองค์กรโดยปกติจะเดินทางไม่ค่อยบ่อย 4-5 เดือนค่อยใช้บริการครั้งหนึ่ง เราก็แยกออกมาเป็นแพ็คเก็จหนึ่ง ส่วนทัวร์เอเย่นต์นั้น เขาจะใช้รถทุกวัน เมื่อนักท่องเที่ยวอินบาวด์ถึงสนามบินปุ๊บ รถจากไฮโซบัสก็จะเข้าไปรับพวกเขาไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ ลูกค้ากลุ่มนี้ก็จะเป็นอีกแพ็คเก็จหนึ่ง "

พวกเขาบอกว่าการเข้าโครงการ “ดีแทคแอคเซอเลอเรท” ปีที่ 7 มีส่วนสำคัญที่ทำให้ไฮโซบัสเริ่มเข้าที่เข้าทางและมีแผนที่ชัดเจนขึ้น ซึ่งทีมเขาได้เมนเทอร์เป็น “แจ็ค” แห่งเคลมดิ และมี “โหน่ง” แห่ง Giztix เป็นพันดาวัน ซึ่งได้ให้คำแนะนำว่า ไม่ควรแค่นั่งรอลูกค้าแต่ต้องหาช่องทางเพื่อเข้าหาลูกค้าให้มากยิ่งขึ้น

"เมื่อก่อนเราไม่ได้เซ็คเมนท์ลูกค้าที่ชัดเจน ว่าเป็นกลุ่มไหนบ้าง เป็นแบบบีทูซี หรือบีทูบี แต่พอเราแบ่งกลุ่มก็เลยมีวิธีที่เหมาะสมและชัดเจนในการเข้าหาลูกค้าในแต่ละกลุ่ม เวลานี้เราคิดแพ็คเก็จไปนำเสนอให้กับคอปอเรทต่างๆ รวมถึงออแกนไนเซอร์ และทัวร์เอเย่นต์ ก็ยิ่งทำให้โอกาสการเติบโตของเรามีมากยิ่งขึ้น"

ส่วนเฟสที่สองของไฮโซบัสจะโฟกัสในเรื่องของความ “ปลอดภัย” เพราะเป้าหมายใหญ่คือต้องการ “พลิกโฉม” วงการทรานสปอร์ตด้วยเทคโนโลยี ซึ่งต้องอาศัยคนที่เข้าใจอินโนเวชั่นในระดับหนึ่ง ดังนั้นการหาพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญก็จะมีส่วนสำคัญต่อความสำเร็จ

"แต่จริงๆตลาดท่องเที่ยวมันใหญ่กว่านั้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวในภูมิภาคเซาท์อีสต์เอเชียค่อนข้างเป็นตลาดใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นประเทศไทย กัมพูชา เวียดนาม พม่า ลาวก็ล้วนโดดเด่น เรามองว่าทรานสปอร์ตมีโอกาสเติบโตได้มากในภูมิภาคนี้ ดังนั้นเมื่อเราทำเฟสเซฟตี้เสร็จเข้มแข็งแล้ว ทริปเมเนจเมนท์ก็คือก้าวต่อไปของเรา ใครจะไปเอาท์ติ้ง ไปสัมมนา ไปเที่ยวก็จบได้ที่แพลตฟอร์มของเรา เราจะเป็นตัวกลาง จะทำตัวเหมือนเป็นตัวเชื่อมที่ไร้รอยต่อ"

ภายในไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ ไฮโซบัสวางแผนจะเรสด์ฟันด์ระดับ Seed หรือไม่ก็ระดับซีรีส์เอ เพราะต้องการจะสเกลธุรกิจไปยังตลาดกลุ่มประเทศ CLMVรวมถึงในอนาคตอันใกล้ ไฮโซบัสกำลังหาช่องทางสร้างรายได้จากทางฝั่งของผู้ให้บริการรถด้วย โดยการพัฒนาซอฟท์แวร์ด้านบริหารจัดการ เพื่อไปช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน

"เราเริ่มจากฝั่งดีมานด์ ทำให้ฝั่งผู้ให้บริการเห็นก่อนว่ามีตลาดอยู่จริง จากนั้นเราได้มีการพัฒนาโซลูชั่นเพื่อช่วยเขาบริหารจัดการธุรกิจและก็ไปเก็บเงินจากเขา ภาพในหัวของเราในอีก 3-5 ปีข้างหน้า ก็คือ เราจะมีระบบที่เห็นรถทั้งหมดบนจอ รู้ว่าคันไหนวิ่งตรงไหนกำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งสุดท้ายมันจะทำให้ทั้งฝั่งผู้ใช้บริการจ่ายค่าบริการถูกลง ขณะที่ช่วยทำให้ต้นทุนทางฝั่งผู้ประกอบการถูกลงด้วย"