INSTAWASH พลิกโฉมคาร์แคร์ ด้วยทฤษฏีสามเหลี่ยมแห่งผู้ชนะ

INSTAWASH พลิกโฉมคาร์แคร์ ด้วยทฤษฏีสามเหลี่ยมแห่งผู้ชนะ

ดำเนินธุรกิจบริการล้างรถถึงที่มาได้ประมาณปีกว่า ๆ และเวลานี้อินสตาวอซ ล้างรถให้กับลูกค้าไปแล้วกว่าหมื่นคัน และฟีดแบ็คส่วนใหญ่ก็มีความประทับใจมีการบอกต่อ มีการใช้บริการซ้ำ

"เราอยากให้ชีวิตของคนมีรถง่ายขึ้น เวลาเกิดปัญหาอะไรเกี่ยวกับรถก็แค่เปิดแอพอินสตาวอซให้ช่วยแก้ไขให้ได้ทั้งหมด ซึ่งต้องอาศัยการพิสูจน์ให้เห็นในเรื่องของคุณภาพ ต้องสร้างความไว้วางใจ ซึ่งดิลิเวอรี่คาร์วอซถือเป็นจุดเริ่มต้นที่จะทำให้ลูกค้าเห็นว่าบริการของเรามีมาตรฐาน ไม่มีปัญหา"

“จักษวัชร์ อรรถสกุลชัย”(เจ) ซีอีโอ และ “เมหราน ซาห์รออี” (เอ็ม) ซีโอโอ อินสตาวอซ (INSTAWASH) เล่าว่าแต่เป้าหมายที่ต้องการจะขับเคลื่อนไปในอนาคตอันใกล้คือการเป็น “Data-Driven Company” ซึ่งเวลานี้ก็มีเซอร์วิสเกี่ยวโยงกับดาต้ารออยู่ในไปป์ไลน์เรียบร้อยแล้ว

และพวกเขาก็มีความเชื่อในเรื่องของ “สามเหลี่ยมแห่งผู้ชนะ” การทำธุรกิจให้มีความยั่งยืนได้ ที่ต้องตระหนักก็คือ ผู้ที่เกี่ยวข้องก็คือ ผู้บริโภค ซัพพลายเออร์ และบริษัท ต้องได้รับชัยชนะทั้งหมดสามฝ่าย หากมีผู้ชนะแต่มีผู้แพ้ธุรกิจย่อมจะอยู่ได้ไม่นาน

“เวลานี้เรากำลังมองหานักลงทุนเพื่อระดมทุนรอบพรีซีรีส์เอ เราต้องการจะไปรอบซีรีส์เอให้เร็วที่สุด พวกเรามองว่าดาต้าที่เก็บได้จะนำไปต่อยอดทำอะไรได้อีกเยอะมาก ดาต้าที่จะมาในอนาคตเป็นอะไรที่เซ็กซี่ เราเลยอยากได้นักลงทุนที่มองวิชั่นเดียวกับเรา” 

ทำไมจึงสนใจวงการคาร์แคร์? พวกเขาบอกว่าไม่เคยทำธุรกิจนี้มาก่อนแต่โดยส่วนตัวชื่นชอบรถ และได้ไปเรียนรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับรถ เกี่ยวกับบริการล้างรถทั้งหมด พวกเขามองว่าคาร์แคร์เป็นอะไรที่ไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ถ้าถามว่าอินสตาวอซทำอะไรที่แปลกใหม่หรือไม่ คำตอบมีทั้งใช่และไม่ใช่ เพราะดิลิเวอรี่คาร์วอซไม่ใช่เรื่องใหม่แต่ที่ผ่านมายังอาจทำได้ไม่ดีพอ หรือยังทำได้ไม่ร้อยเปอรเซ็นต์ เช่น ยังเป็นบริการที่ต้องไปรบกวนลูกค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไปขอใช้อุปกรณ์ต่าง ๆที่หน้างานไม่ว่าจะเป็นน้ำหรือไฟฟ้า เป็นต้น

" บริการของเราเป็นการอำนวยความสะดวกให้ลูกค้าได้แบบ 360 องศา พนักงานของเราจะมีแค่กระเป๋าสีฟ้าใบเดียวเป็นกระเป๋าโดเรมอน และบริการเราก็มีความอีโคเฟรนลี่ เพราะใช้น้ำล้างรถต่อคันเพียงแค่ 2-3 ลิตร เราประหยัดน้ำได้ 200-300 ลิตรต่อคัน"

ที่เป็นรูปแบบนี้ก็เพราะอินสตาวอซใช้เทคโนโลยีซึ่งคนทั่วไปมักคิดว่าต้องเป็นฮาร์ดแวร์หรือซอฟท์แวร์ แต่คอนเซ็ปต์ของพวกเขามันหมายถึง การทำอะไรเก่าๆให้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยการใช้น้ำยาพิเศษที่ใช้กับฟอร์มูลาร์วันพวกรถแข่ง รถซูเปอร์คาร์ ที่หามาจากหลายแหล่งทั้งอเมริกา ญี่ปุ่น สวิสเซอร์แลนด์แล้วนำมาปรับให้เป็นสูตรเฉพาะเพื่อใช้แบบแมสได้ ให้ทุกคนเข้าถึงได้ ในราคาที่จับต้องได้ และเหมาะกับสภาพอากาศของประเทศไทยมากที่สุด

"เรามีการพัฒนาระบบบริการที่ชัดเจน มีมาตรฐานการทำงานในแบบของเรา พร้อมกับพัฒนาแอพพลิเคชั่นมาเสริมเพื่อทำให้ลูกค้าสะดวกยิ่งขึ้น แค่ปักโลเคชั่นเราก็ไปบริการถึงที่ แต่ยอมรับว่าในช่วงแรก ๆลูกค้าแทบทุกคนล้วนมีข้อสงสัยเกี่ยวกับน้ำยาล้างรถว่ามีสารผสมอะไรบ้าง จะทำลายสีรถหรือไม่ ซึ่งก็ยากลำบากในการอธิบายไม่ค่อยมีใครเชื่อ"

ที่ผ่านมาอินสตาวอซไม่มีบัดเจ็ดที่มากพอจึงไม่ได้มีการโฆษณา ประชาสัมพันธ์ แต่จุดที่น่าจะทำให้สามารถเติบโตขึ้น พวกเขาบอกว่าเป็นเพราะ “สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น” ลูกค้าได้ใช้บริการแล้วเห็นผลว่าดีจริง

อินสตาวอซเกิดขึ้นจากเพื่อนชาวเกาหลีกับพวกเขาทั้งสองคนเริ่มต้นทำธุรกิจนี้เป็นครั้งแรกที่ประเทศเกาหลี แต่ด้วยวิชั่นที่แตกต่างกัน คือเพื่อนชาวเกาหลีต้องการทำธุรกิจภายในประเทศเกาหลีเท่านั้น ขณะที่พวกเขาทั้งสองมีฝันที่ใหญ่มากกว่าคือมุ่งตลาดทั้งภูมิภาคอาเซียน จึงแยกเอามาทำในประเทศไทยซึ่งมีคอนเซ็ปต์ธุรกิจที่แตกต่างกันแต่ยังใช้ชื่อแบรนด์ที่เหมือนกันโดยเปิดฉากที่กรุงเทพ เริ่มต้นด้วนการสร้างความสะดวกสบายให้กับผู้ที่พักอาศัยในคอนโดมิเนียม และอพาร์ทเมนท์ เนื่องจากเห็นว่าบริษัทอสังหาริมทรัพย์ส่วนใหญ่มักจะสร้างตึกที่ไม่มีพื้นที่สำหรับล้างรถซึ่งกลายเป็นความทุกข์ของคนมีรถในยุคปัจจุบัน

"อีกเพนพ้อยท์หนึ่งที่พวกเราเห็นก็คือ ไม่ว่าจะเป็นผู้หญิงหรือผู้ชายก็คงไม่อยากใครอยากไปนั่งรอไม่ว่าจะเป็นที่่ปั๊ม หรือที่ศูนย์การค้า ซึ่งในวันหยุดผู้คนส่วนใหญ่ก็มักจะแห่ไปใช้บริการพร้อม ๆกัน เลยมีคิวยาวต้องรอกันหลายชั่วโมง  นอกจากนี้การล้างรถส่วนใหญ่ก็มักไม่มีคุณภาพ ไม่มีมาตรฐาน คนล้างไม่ได้รับการเทรน เลยขึ้นอยู่กับความโชคดีคือถ้าได้คนล้างดีรถก็โอเค ถ้าไม่ดีรถก็อาจเละ มิหนำซ้ำยังมีกรณีของในรถสูญหายอยู่บ่อย ๆภายหลังที่ล้างรถเสร็จอีกด้วย"

แต่เหนืออื่นใดตลาดรถค่อนข้างมีขนาดใหญ่ พวกเขาให้ข้อมูลว่าในปีที่ผ่านมาจำนวนรถยนต์ส่วนตัวเฉพาะในกรุงเทพมีถึงราว 4.3 ล้านคัน และมีแนวโน้มว่าจำนวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และไม่ใช่แค่ไทยประเทศอื่นๆในอาเซียนก็ค่อนข้างน่าสนใจพอสมควร ตัวอย่างเช่น ฟิลิปปินส์ที่ยอดขายรถมากถึงปีละกว่าหนึ่งล้านคัน ตลาดนี้ยังมีโอกาสมหาศาลมาจากไลฟ์สไตล์ของคนรุ่นใหม่ในประเทศแถบอาเซียนที่มีลักษณะคล้ายๆกัน ก็คือเมื่อเรียนจบเริ่มทำงานมีรายได้แล้ว สิ่งแรกที่พวกเขามักต้องการจะมีไว้ในครอบครองเป็นลำดับแรกก็คือ รถยนต์แน่นอนเมื่อจำนวนรถเยอะขึ้น ก็ย่อมต้องการการดูแล ยิ่งเป็นรถใหม่เจ้าของก็ยิ่งต้องรัก ต้องการทะนุถนอมเป็นพิเศษ

บริการล้างรถจึงเป็นอะไรที่ค่อนข้างจะละเอียดอ่อน  การเทรนพนักงานเป็นสิ่งสำคัญ เพราะหากทำพังแค่ครั้งเดียวก็อาจทำลายความมั่นใจไปตลอดกาลก็ว่าได้

"ลูกค้าทุกคนมีความสำคัญกับเรา เพราะท้ายสุดเราอยากให้ลูกค้าทุกคนได้รับบริการที่ดีที่สุด ไม่ว่าเขาจะขับรถระดับไหน เราก็แคร์ทุกคนและให้บริการที่เหมือนกัน ซึ่งลูกค้าทุกคนต่างก็รักรถและคาดหวังสิ่งที่ดีที่สุด  ซึ่งพวกเราเองก็รักรถจึงเข้าใจถึงหัวอกของพวกเขาเป็นอย่างดี"

ในงานบริการ “คน” ถือเป็นหัวใจสำคัญที่สุด พวกเขามองว่าพนักงานยังจะช่วยสร้างความโดดเด่นให้กับอินสตาวอซได้  มาตรฐานที่เป็นพื้นฐานของพนักงานดิลิเวอรี่คาร์วอซแบรนด์นี้ก็คือการสวมเสื้อยูนิฟอร์มที่แสดงตัวตนที่ชัดเจน มีการใส่ถุงมือทุกครั้งเวลาที่ล้างรถ ต้องสร้างความมั่นใจทั้งเรื่องคุณภาพการล้าง ความสะดวกรวดเร็ว ตลอดจนความปลอดภัยในทรัพย์สินด้วยการบันทึกเหตุการณ์ในช่วงให้บริการด้วยกล้อง GoProแต่เพื่อให้มีใจรักบริการ

อินสตาวอซมีการดูแลพนักงานแตกต่างไปจากคาร์แคร์อื่นๆ โดยให้พนักงานทุกคนเห็นถึงเส้นทางการเติบโตที่ชัดเจน (Career Path) มีความก้าวหน้าในสายอาชีพไปตามลำดับ จากพนักงานล้างรถก็ขยับเป็นซูเปอร์ไวเซอร์ ขยับเป็นหัวหน้าเขต ฯลฯ อาจกล่าวได้ว่าเป็นการยกระดับ Blue collar ให้เทียบชั้น White collar"ก่อนจะทำหน้าที่ล้างรถได้จริงเราจะเทรนพนักงานเป็นเวลา 1 เดือน และจะทำการทดสอบความรู้ไม่ว่าจะเป็นการดูแลรถ ถ้ารถอยู่ในสภาพแบบนี้ควรจะต้องทำอย่างไร ตลอดจนการใช้อุปกรณ์ต่างๆ พวกเขาต้องสอบผ่านในทุก ๆขั้นตอน ซึ่งเวลานี้ทีมล้างรถของเรามีอยู่ 20 คนและเป็นพนักงานประจำทั้งหมด เรากำลังขยายทีมซึ่งต้องการคนอีกมาก"