แม่ผู้ต้องสงสัย 'มือบึ้มสตช.' เชื่อลูกชายไม่มีเอี่ยวเหตุป่วน

แม่ผู้ต้องสงสัย 'มือบึ้มสตช.' เชื่อลูกชายไม่มีเอี่ยวเหตุป่วน

วอนขอความยุติธรรม อย่าทำร้าย เผยลูกชายขอมาเที่ยว กทม.หลังทำวิจัยเสร็จ รอเรียนต่อป.โท ปัดภาพวงจรปิดไม่ใช่ "ลูไอ"

นางรอฮานิง แม่ของนายลูไอ แซแง พร้อมด้วยครอบครัวของ นายวิลดัน มาหะ ผู้ต้องสงสัย ในคดีวางระเบิดหน้าสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ที่ถูกเจ้าหน้าที่ควบคุมตัวไว้ได้ หลังก่อเหตุและหลบหนีไปเมื่อวันที่ 2 ส.ค. ที่ผ่านมา

ล่าสุดเดินทางเข้ามายังกรุงเทพมหานคร โดยใช้รถไฟขบวนรถเร็วที่ 172สุไหงโกลก จังหวัดนราธิวาส มาลงที่สถานีรถไฟหัวลำโพง กรุงเทพมหานคร เพื่อมาขอเยี่ยมลูกชาย และสอบถามข้อเท็จจริงจากปากลูกชายว่าได้ก่อเหตุจริงหรือไม่ 

 แม่ของนายลูไอ กล่าวว่า จนถึงขณะนี้ยังไม่มีเจ้าหน้าที่ติดต่อเข้ามา และแม่กำลังรอการติดต่อจากเจ้าหน้าที่อยู่ โดยอยากให้เจ้าหน้าที่ติดต่อมาแจ้งความปลอดภัยของนายลูไอ ลูกชาย ให้ได้ยินเสียงก็ยังดี เพราะขณะนี้ที่บ้านและเด็กนักเรียนที่ลูกชายสอนอยู่นั้นก็ยังรอการกลับมาอยู่ และหากลูกชายทำผิดหรือไม่ผิดอย่างไร ก็ขอให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม

"พร้อมทั้งอยากขอให้เจ้าหน้าที่ให้ความยุติธรรมกับลูกชาย ไม่อยากให้ทำร้ายลูกชาย เพราะตอนนี้ 3 วัน แล้วยังไม่ได้รับการติดต่อใดๆเลย "แม่ของนายลูไอ กล่าว

แม่ของนายลูไอ กล่าวยืนยันว่า ลูกชายเป็นคนนิสัยดีมาก ซึ่งอยากให้ลงไปในพื้นที่เพื่อสอบถามคนในพื้นที่ดูได้ และตอนนี้ลูกชายกำลังจะรับปริญญาตรี และเรียนต่อ ในระดับปริญญาโทด้วย
   

แม่ของนายลูไอ กล่าวอีกว่า การเดินทางมา กทม.ของลูกชายนั้น ได้บอกกับแม่ว่าขอมาเที่ยวกรุงเทพฯ หลังทำวิจัยเสร็จ และแม่เห็นลูกเหนื่อยๆก็อนุญาตให้มาเที่ยว ซึ่งปกติลูกชายมาเที่ยวกรุงเทพฯ แค่ 2-3 ครั้ง และมากับครอบครัว ทั้งนี้ลูกชายไม่ได้บอกว่ามากี่วัน ทั้งนี้แม่ของนายลูไอ ปฏิเสธที่จะให้ข้อมูลว่าลูกเดินทางมาถึงวันไหน

ขณะที่นางรอฮานิง แม่ของนายลูไอ เชื่อว่า ลูกชายไม่ได้เป็นคนลงมือก่อเหตุ โดยให้เหตุผลว่า ได้ดูภาพจากกล้องวงจรปิดแล้วไม่เหมือนลูกชายของตนเอง เพราะปกติลูกชายจะเป็นคนเฉื่อยๆช้าๆมาก

ส่วนการคบเพื่อนของลูกชาย ก็ไม่ได้มีกลุ่มเพื่อนที่จะมีลักษณะของการนำไปสู่การก่อเหตุความรุนแรงได้ และปกติจะอยู่กับแม่ตลอด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากนี้ ครอบครัวของผู้ต้องสงสัยทั้งสองคนจะเดินทางไปพักที่ห้องพักของญาติ เพื่อรอการติดต่อกลับมาของทางเจ้าหน้าที่ อีกครั้ง