เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด

เฟดลดดอกเบี้ยตามคาด

ดัชนีวานนี้ปิดปรับตัวขึ้น ก่อนรู้ผลการประชุมของเฟด ท่ามกลางการคาดการณ์ว่าเฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย ซึ่งจะช่วยหนุน Fund flow ไหลเข้ามาต่อเนื่อง

ประกอบกับทิศทางของค่าเงินบาทที่ยังคงแข็งค่าต่อเนื่อง นอกจากนี้ ดัชนีปรับตัวขึ้นถูกหนุนโดยกลุ่ม Big Cap. นำโดย SCB KTC CPF และ BTS ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,711.97 จุด (+5.48 จุด) Volume 5.1 หมื่นลบ. ต่างชาติ -178.26 ลบ. TFEX Net +1,176 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -768 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+สัญญาน้ำมันดิบ WTI +53 เซนต์ +0.9% ปิด 58.58 ดอลลาร์/บาร์เรล ขานรับสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงติดต่อกัน 7 สัปดาห์และมากกว่าคาด และจากการที่เฟดปรับลดอัตราดอกเบี้ย

+ADPเผยการจ้างงานภาคเอกชนสหรัฐในเดือนก.ค.พุ่งขึ้น156,000 ตำแหน่ง

+การเจรจาการค้าสหรัฐ-จีนไม่คืบหน้าเตรียมเจรจารอบใหม่ในเดือนก.ย.

+กบง.ตรึงราคาขายปลีกน้ำมันไบโอดีเซลออกไปอีก 2 เดือนพยุงค่าครองชีพ

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 6.1 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.695 บาท/US

-FEDลดดอกเบี้ย 0.25% ตามคาดครั้งแรกในรอบ 11 ปี และยุติปรับลดงบดุล

-ดัชนีดาวโจนส์ -333.75 จุด -1.23% นลท.ผิดหวังที่ประธานเฟดไม่ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดบ.ลงอีกในอนาคต

-ธปท.เผยเศรษฐกิจไทยเดือนมิ.ย.62 ชะลอตัวจากเดือนก่อนจากอุปสงค์ในประเทศและต่างประเทศ การบริโภคเอกชน การลงทุนและส่งออกชะลอตัว

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีPMI ภาคการผลิตและการใช้จ่ายภาคการก่อสร้าง BoE ประชุมนโยบายการเงิน

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงตามทิศทางตลาดภูมิภาค แม้เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% แต่นักลงทุนยังคงผิดหวังที่ประธานเฟดไม่ได้ส่งสัญญาณว่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยลงในอนาคต ประกอบกับผลการเจรจาทางกาค้าระหว่างสหรัฐและจีนที่ยังไม่ได้ข้อสรุป และค่าเงินบาทที่อ่อนค่าลงอาจส่งผลให้ Fund Flow ไหลออก คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,700-1,716 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30 ORI) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ (STEC CK STPI SEAFCO),หุ้น Mid-Small Cap. ที่คาดผลประกอบการ 2Q19 เติบโตดี (VL AMA TACC JUBILE SABINA NER)

หุ้นรายงานพิเศษ

NER – Conference Call (ราคาล่าสุด 2.70 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 3.10 บาท)

  • ภายหลังการประชุมทางโทรศัพท์ เราคาดว่าแนวโน้มผลประกอบ 2Q19 จะเติบโตต่อเนื่องทั้ง YoY และ QoQ จากแนวโน้มปริมาณขายที่คาดว่าจะปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมา จากผลของการขยายกำลังผลิต (ยาง RSS-Compound) บวกกับมีฐานลูกค้าใหม่เพิ่มมากขึ้น อย่างไรก็ดี ปริมาณขายอาจถูกกดดันเล็กน้อย QoQ จากการส่งออกไปจีน ที่ได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า แต่คาดว่าบางส่วนจะถูกชดเชยจากการที่จีนย้ายฐานการผลิตมายังไทย ด้านราคาขายเฉลี่ยใน 2Q19 คาดจะปรับตัวสูงขึ้นมาที่ระดับ 48 บาท/กก. (+45%YoY +10%QoQ) ด้านความสามารถในการทำกำไร คาดว่า %GPM จะปรับตัวดีขึ้นจากไตรมาสที่ผ่านมา จากผลของสต็อกยางใน 1Q19 ที่จะมาระบายสินค้าในไตรมาสนี้ ขณะที่ค่าใช้จ่ายการตั้งสำรอง Employee Benefit ถูกบันทึกไปแล้วใน 1Q19
  • แนวโน้มทั้งปี 19 ผบห.ยังคงยืนยันเป้ารายได้ราว 3 หมื่นลบ. ใกล้เคียงกับที่เราคาดที่ระดับราว 1.27 หมื่นลบ. +27%YoY โดยแนวโน้มรายได้ช่วง 2H19 จะสนับสนุนจากผลของปัจจัยฤดูกาล ส่งผลให้คาดว่าปริมาณขายจะปรับตัวดีขึ้นจาก 1H19 แต่อาจถูกชดเชยด้วยราคายางพาราในตลาดที่เริ่มกลับทิศเป็นขาลง นอกจากนี้ อาจมีประเด็นกดดันจากกำลังซื้อจากประเทศจีนที่ยังไม่มีแนวโน้มฟื้นตัว ทั้งนี้ เราคาดกำไรทั้งปี 19 ราว 531 ลบ. +9%YoY
  • ความเห็น เบื้องต้นเราคาดรายได้ 2Q19 ราว 3 พันลบ. (+42YoY +8.7%QoQ) และคาดกำไรราว 165 ลบ. (+248%YoY +64%QoQ) ซึ่งคิดเป็น 50.2% ของประมาณการกำไรทั้งปี 19

หุ้นมีข่าว   

ROBINS และ CRC analyst meeting แนะนำผู้ถือหุ้น ROBINS ตอบรับคำเสนอซื้อ

·      Central Retail Corporation (CRC) ดำเนินธุรกิจค้าปลีกในไทย เวียดนาม และอิตาลี โดยแบ่งรายได้ออกเป็น 3 กลุ่ม 1) ธุรกิจ Fashion ภายใต้แบรนด์ Central, Robinson, CMG, Supersport และ Rinascente (อิตาลี) มีสัดส่วนรายได้ 36% 2) ธุรกิจ Hardline ภายใต้แบรนด์ Powerbuy ไทวัสดุ และ Nguyenkim(เวียดนาม) มีสัดส่วนรายได้ 21% และ 3) ธุรกิจ Food ภายใต้แบรนด์ TOPS, Familymart, Central food hall, BigC(เวียดนาม) และ Lanchi(เวียดนาม) มีสัดส่วนรายได้ 43%

·      รายได้ปี 2016-2018 เติบโตจาก 2.1 แสนลบ.สู่ 2.4 แสนลบ. หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6.9% ขณะที่กำไรปกติ(ไม่รวมค่าใช้จ่ายในการปรับโครงสร้างภายในกลุ่ม)เติบโตจาก 7.2 พันลบ.สู่ 8.5 พันลบ. หรือคิดเป็นอัตราการเติบโตเฉลี่ย 9.1% โดยธุรกิจที่เติบโตโดดเด่นคือ BigC(เวียดนาม) Rinascente(อิตาลี) และธุรกิจ Food(ไทย)

·      ความเห็น ฝ่ายวิจัยมีมุมมองบวกต่อ CRC ในการเป็นหุ้น big cap ปัจจัยพื้นฐานดีที่น่าสนใจลงทุน ทั้งนี้ ROBINS จะจัดประชุมผู้ถือหุ้นในวันที่ 5 ก.ย.นี้ หากที่ประชุมผู้ถือหุ้นมีมติอนุมัติให้เพิกถอนออกจากตลาด CRC จะเริ่มดำเนินการยื่นไฟลลิ่งกับ กลต. และคาดว่าภายใน 165 วัน CRC จะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯซึ่งคาดว่าไม่เกินกลางปี 20 โดยเราแนะนำให้ผู้ถือหุ้น ROBINS ตอบรับคำเสนอซื้อ (แลกหุ้น ROBINS ที่ราคา 66.5 บาทกับราคา IPO ของ CRC) เพื่อให้หลักทรัพย์ลงทุนในมือยังคงมีสภาพคล่อง และหุ้นใหม่ CRC มีธุรกิจที่มั่งคงและมีศักยภาพในการเติบโตสูงกว่า ROBINS ซึ่งเชื่อว่าจะช่วยชดเชยค่าเสียโอกาสของเงินลงทุนที่ต้องถือรอกว่า CRC จะเข้ามาเทรดได้ ทั้งนี้ หากยังไม่มีหุ้น ROBINS อยากเข้าไปเก็บหุ้นเพื่อให้ได้หุ้นจอง CRCไม่ควรซื้อหุ้น ROBINS ที่ระดับราคาเกิน 66.5 บาท

·      EA (ราคาปิด 52.25 บาท Bloomberg Consensus 68.25 บาท) รัฐมนตรีพลังงาน เตรียมส่งเสริม Energy Storage ผลิตไฟฟ้าอย่างจริงจัง พร้อมเดินหน้าปรับปรุง PDP2018 หวังระดับเป็นผู้บริหารพลังงานอาเซียน ชี้ค่าไฟฟ้าต้องถูกกว่า 3.60 บาท ในอนาคต พร้อมจูงใจชุมชนตั้งโรงไฟฟ้าได้สิทธิพิเศษ เศรษฐกิจเฟื่องใช้ไฟฟ้าราคาถูก (ที่มา ทันหุ้น)

·      JKN (ราคาปิด 8.2 บาท ราคาเหมาะสม 10.00 บาท) ชี้เทรนด์ตลาด OTT ในอาเซียนยังมาแรง หนุนความต้องการคอนเทนต์คุณภาพระดับโลกเพื่อเจาะกลุ่มผู้ชมผ่านออนไลน์ เดินเกมรุกทำตลาดจำหน่ายลิขสิทธิ์คอนเทนต์ในต่างประเทศเต็มรูปแบบ ผ่านกลยุทธ์ "ซูเปอร์สตาร์มาร์เก็ตติ้ง" ออกบูธในงานเทศกาลหนังทั่วโลก บูมคอนเทนต์ไทยดันการเติบโตผ่านช่องทาง OTT เพิ่ม คาดส่งผลดีต่อการเพิ่มสัดส่วนรายได้จากตลาดต่างประเทศเพิ่มเป็น 30% ตามเป้าหมาย (ที่มา ทันหุ้น)

·      SPALI (ราคาปิด 22.00 บาท Bloomberg Consensus 24.61 บาท) รุกตลาดแนวราบไตรมาส 3/2562 เตรียมเปิดตัว 2 โครงการใหม่ พร้อมกัน "ศุภาลัย พาร์ค วิลล์ พระราม 2-ท่าข้าม" และ "ศุภาลัย เบลล่า กาญจนาภิเษก-ซ. กันตนา" มูลค่ากว่า 2 พันล้านบาท เชื่อตอบโจทย์คุณภาพชีวิตผู้บิรโภคในทุกด้าน (ที่มา ทันหุ้น)

·      ORI (ราคาปิด 8.15 บาท Bloomberg Consensus 10.21 บาท) แพนิกขาย ORI ร่วงหนัก 13.30% หลังลือหึ่ง! เตรียมเพิ่มทุน-ขายบิ๊กล็อตต่ำกว่ากระดาน ขณะที่ ผบห. ORI ลั่นไม่เป็นความจริง! วอนนักลงทุนอย่าหลงเชื่อ ย้ำฐานะการเงินยังแข็งแกร่ง เดินหน้าธุรกิจปีนี้ตามแผน ฟาก “เสี่ยปู่” เผยราคาร่วงทยอยเก็บ ORI เข้าพอร์ตเพิ่ม เหตุมั่นใจปัจจัยพื้นฐานดี ไม่คิดที่จะขายทิ้ง (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      (+) PTTEP (ราคาปิด 135.50 Bloomberg Consensus 152.17) ทุ่ม 74 ล้านเหรียญฯ เข้าซื้อหุ้นเพิ่มใน APICO ผู้ร่วมทุนในโครงการสินภูฮ่อม ซึ่งคาดว่าจะเสร็จสิ้นภายในไตรมาส 3/62 ภายหลังการเข้าซื้อครั้งนี้ ปตท.สผ. จะมีสัดส่วนการลงทุนเพิ่มขึ้นเป็น 80.48% และช่วยเพิ่มกำลังการผลิต 0.02% ต่อวัน (ที่มา อินโฟเควสท์)

       ประเด็นบวกกลุ่มพลังงานทดแทน รมว.พลังงาน ทบทวนแผน PDP หนุนโรงไฟฟ้าชุมชนชูโซลาร์ แต่ไม่กระทบโรงไฟฟ้าภาค ตต.,เร่งศึกษาสายส่ง (ที่มา อินโฟวเควสท์)