'นฤมล' สักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า รับตำแหน่งใหม่

'นฤมล' สักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า รับตำแหน่งใหม่

โฆษกรัฐบาล เน้นทำงานอย่างสร้างสรรค์ สื่อสารภาษาชาวบ้านให้ประชาชนเข้าใจง่าย

วันนี้ (1 สิงหาคม 2562) เวลา 07.30 น. ณ ทำเนียบรัฐบาล ศาสตราจารย์นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สักการะท้าวมหาพรหม บนตึกไทยคู่ฟ้า ก่อนลงมาสักการะศาลพระภูมิเจ้าที่ และศาลตายาย เพื่อความเป็นสิริมงคล ในโอกาสรับตำแหน่งใหม่

จากนั้น โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์ถึงเหตุผลที่ตัดสินใจลาออกจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เพื่อมารับตำแหน่งโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า เมื่อได้รับโอกาสจากผู้ใหญ่ ก็จะทำหน้าที่อย่างเต็มความสามารถ ซึ่งการลาออกจาก ส.ส.บัญชีรายชื่อไม่กระทบต่อการทำงานด้านนิติบัญญัติของพรรคและรัฐบาล ดังนั้น จึงไม่คิดว่าเป็นการเสียสละหรือเสียดายแต่อย่างใด


ผู้สื่อข่าวถามต่อไปว่า พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ได้กำชับให้ระมัดระวังเรื่องใดเป็นพิเศษหรือไม่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า  นายกรัฐมนตรีไม่ได้กำชับเรื่องใดเป็นพิเศษ เพียงแต่เตือนว่าอย่าอธิบายเรื่องต่าง ๆ เป็นภาษาวิชาการมากเกินไป เพราะเรามาจากนักวิชาการนายกรัฐมนตรีต้องการให้พูดภาษาชาวบ้าน เพราะต้องการสื่อสารให้ชาวบ้านเข้าใจ
 
ผู้สื่อข่าวถามว่ารู้สึกหนักใจหรือไม่ เพราะการเมืองในช่วงนี้มีการปะทะเชิงวาทกรรมสูง โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะตั้งใจจะตอบคำถามเชิงสร้างสรรค์ แต่เลี่ยงไม่ได้ที่อาจจะเจอกับแรงปะทะ ซึ่งก็จะพยายามอดทนและตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ ขอกำลังใจให้กับนักการเมืองหน้าใหม่คนนี้ด้วย เพื่อที่จะได้เป็นตัวอย่างของคนที่ยังไม่กล้าเข้ามาสู่การเมือง ให้กล้าเดินเข้ามา โดยเราตั้งใจจะทำการเมืองใหม่ให้กับประเทศอย่างสร้างสรรค์


โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปถึงทีมงานรองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ นายกรัฐมนตรี ยังไม่ได้มอบหมายบุคคลใด และยังไม่บอกว่าจะเป็นท่านใดบ้าง เข้าใจว่ายังอยู่ในระหว่างการพิจารณาคัดสรร สำหรับแนวทางการทำงานหลังจากนี้นั้น ตั้งใจว่าจะให้ทีมโฆษกรัฐบาลตอบคำถาม และทำงานอย่างสร้างสรรค์ โดยไม่ตอบโต้ในลักษณะที่ทะเลาะเบาะแว้ง เมื่อได้คณะทำงานครบแล้ว ก็จะได้มีการหารือกันอีกครั้งว่าจะทำงานเชิงสร้างสรรค์กันอย่างไร นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ยังต้องการให้มีการเปิดกว้าง เปิดโอกาสให้ฝ่ายที่เห็นต่าง ได้แสดงความคิดเห็น ขณะที่ฝ่ายรัฐบาลก็ต้องรับฟังด้วย