‘อัฟวาแลนท์’ ชูคลาวด์รุกซอฟต์แวร์เอเชีย

‘อัฟวาแลนท์’ ชูคลาวด์รุกซอฟต์แวร์เอเชีย

“อัฟวาแลนท์” จุดพลุมิติใหม่การพัฒนาซอฟต์แวร์ เปิดตัว ดิจิทัล เมคเกอร์ แพลตฟอร์ม หนุนลูกค้าองค์กรพัฒนานวัตกรรมรับดิจิทัลดิสรัปชั่น ชูคลาวด์ตัวจักรขยายฐานลูกค้า ตั้งเป้าใน 3 ปีสยายปีกทั่วภูมิภาคเอเชีย

นายอัครพล บุญวรเศรษฐ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัฟวาแลนท์ จำกัด ผู้ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์โซลูชั่นและเทคโนโลยีแพลตฟอร์มสัญชาติไทย กล่าวว่า การ์ทเนอร์ระบุว่า องค์กรธุรกิจต่างๆ มีทิศทางการลงทุนที่มุ่งไปสู่คลาวด์ และ “โลว์ โค้ด(Low Code)” หรือ การพัฒนาซอฟต์แวร์แนวใหม่ด้วยระบบเวอร์ชวลโดยมีการเขียนโค้ดเองน้อยที่สุด

ดังนั้น ส่งผลให้เกิดการเติบโตของบริการบนคลาวด์ในรูปแบบ aPaas (application Platform as a Service) และ iPaaS (Integration Platform as a Service) เพิ่มขึ้น สอดคล้องไปกับความต้องการของตลาด ทั้งมีการคาดการณ์ไว้ว่าภายในปี 2564 ซอฟต์แวร์บนระบบคลาวด์จะเติบโต 59% ส่วนซอฟต์แวร์บนระบบดาต้าเซ็นเตอร์แบบเดิมจะลดลง 2.6% และภายในปี 2567 แอพพลิเคชั่นกว่า 65% จะถูกพัฒนาขึ้นด้วยเทคโนโลยีโลว์โค้ด หรือ โนโค้ด(No Code)

อย่างไรก็ดี หลังจากภาคธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนองค์กรและทรานส์ฟอร์มสู่ดิจิทัลแล้ว จากนี้กำลังเข้าสู่ยุค “Make Generation” ที่ทุกองค์กรต้องสร้างนวัตกรรมอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ สำคัญจำต้องมีแพลตฟอร์มที่ง่าย สะดวก ตอบโจทย์ และทำงานได้ครอบคลุม ซึ่งนับเป็นความท้าทายสำคัญขององค์กรในปัจจุบันที่ต้องปรับตัวเพื่อรองรับกับการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว และต้องเลือกใช้บริการแพลตฟอร์มที่จะผลักดันให้เกิดการขับเคลื่อนนวัตกรรมได้อย่างยั่งยืน

สำหรับอัฟวาแลนท์ ทิศทางธุรกิจจะสอดคล้องไปกับเทรนด์ดังกล่าว ล่าสุด เปิดตัว “ดิจิทัล เมคเกอร์ แพลตฟอร์ม (Digital Maker Platform)” บนเทคโนโลยีคลาวด์ ที่จะเข้ามาตอบโจทย์การใช้งานของทุกกลุ่มธุรกิจตั้งแต่ระดับเอ็นเตอร์ไพร์ซ องค์กรขนาดกลาง และขนาดเล็ก รวมทั้งกลุ่มสตาร์ทอัพ

พร้อมกันนี้ พัฒนาฟีเจอร์เสริมให้กับแพลตฟอร์มสำหรับการพัฒนาซอฟต์แวร์ “ONEWEB” เรียกว่า “AppSpace” ที่จะช่วยให้ลูกค้าพัฒนาแอพพลิเคชั่นได้ง่าย เร็ว มีระบบจัดการและควบคุมกระบวนการการพัฒนาซอฟท์แวร์บนคลาวด์แบบอัตโนมัติ ช่วยลดเวลาการบริหารจัดการซอฟท์แวร์ที่พัฒนาบนคลาวด์ลงกว่าเดิม 6 เท่า พร้อมแก้ปัญหาการขาดแคลนบุคลากร

สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เตรียมเข้าไปทำตลาดในทุกอุตสาหกรรม ทั้งการเงินการธนาคาร ประกัน การผลิต ธุรกิจบริการสุขภาพ ค้าปลีก สถาบันการศึกษา หน่วยงานราชการ และรัฐวิสาหกิจ นอกจากกลุ่มคอร์ปอเรทที่เป็นฐานลูกค้าเดิม มีแผนเพิ่มโฟกัสลูกค้าขนาดกลาง เอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพ และนอกจากตลาดไทยมีแผนขยายฐานสู่ระดับภูมิภาคเอเชียด้วย

อัฟวาแลนท์ วางคลาวด์เป็นกลยุทธ์สำคัญในการขับเคลื่อนการเติบโตและขยายฐานลูกค้า คาดว่าสิ้นปีนี้ไปจนถึงปี 2564 กลุ่มลูกค้าเอ็นเตอร์ไพรซ์ขนาดกลาง เอสเอ็มอี และกลุ่มสตาร์ทอัพ ที่ใช้บริการวันเว็บบนคลาวด์จะเติบโตปีละไม่น้อยกว่า 200% ขณะที่ภาพรวมตั้งเป้าเติบโต 20% ปัจจุบันสัดส่วนรายได้มาจากองค์กรขนาดใหญ่กว่า 80% รวมมีลูกค้าประมาณ 200 ราย และตั้งเป้าไว้ว่าภายใน 3 ปีจะมีลูกค้า 1 พันราย สัดส่วนมากจากในไทย 60% ต่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย 40% บริษัทซอฟต์แวร์ไทยจะอยู่รอดได้ต้องมีความหลากหลาย พอร์ทโฟลิโอกว้าง มองให้ไกลถึงระดับภูมิภาคและเวิลด์ไวด์ จะโฟกัสแค่จุดเดียวหรือแค่ในประเทศไม่ได้

นายเรียวอิจิ อิชิฮารา คณะกรรมการบริหาร บริษัท ดีเนียน ผู้ให้บริการพัฒนาซอฟต์แวร์จากประเทศญี่ปุ่น กล่าวว่า วันเว็บเป็นโอเพ่นเอพีไอที่สามารถนำไปต่อยอดได้กับหลากหลายระบบงานและหลากหลายธุรกิจ จุดเด่นคือสามารถนำไปพัฒนาระบบสำหรับธุรกิจต่างๆ ได้ง่าย เร็ว มีความปลอดภัย

ส่วนที่บริษัทนำไปใช้แล้ว เช่น โครงการต้นแบบด้านบล็อกเชนของลูกค้าโทรคมนาคมรายใหญ่ในญี่ปุ่น โครงการพัฒนาระบบบริหารจัดการลูกค้าและการสื่อสารให้กับธุรกิจประกันภัย และขณะนี้ยังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อจัดทำโครงการใหม่ด้านเอกสารและอีโพรเคียวเมนท์ให้กับธุรกิจส่งออกรถยนต์ด้วย