กองทุน DIF เคาะราคาขายหน่วยลงทุนใหม่ 15.90 บาทต่อหน่วย

กองทุน DIF เคาะราคาขายหน่วยลงทุนใหม่ 15.90 บาทต่อหน่วย

กองทุน DIF เคาะราคาขายหน่วยลงทุนใหม่ 15.90 บาทต่อหน่วย เข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่ 4เตรียมขึ้นเครื่องหมาย XB 2 ส.ค.นี้ พร้อมจ่ายปันผล 0.3469 บาทต่อหน่วย ดีเดย์ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุน จองซื้อวันที่ 20 – 23 ส.ค.นี้

นางสาววีณา เลิศนิมิตร ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ผู้บริหารสายงานInvestment Banking ธนาคารไทยพาณิชย์จำกัด(มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน เปิดเผยว่า กองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมดิจิทัลหรือDigital Telecommunications Infrastructure Fund (DIF) เตรียมเข้าลงทุนในทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานโทรคมนาคมเพิ่มเติมครั้งที่4 มูลค่ารวมทั้งสิ้นไม่เกิน15,800 ล้านบาทโดยเตรียมออกและเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่แก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีรายชื่อปรากฏในสมุดทะเบียนผู้ถือหน่วยลงทุนในวันกำหนดรายชื่อผู้ถือหน่วยลงทุนที่มีสิทธิในการจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่(Record Date) ตามสัดส่วนการถือหน่วยลงทุนกำหนดวันขึ้นเครื่องหมายXB ในวันที่2 สิงหาคม2562 (ซึ่งเป็นวันแรกที่ผู้ซื้อหน่วยลงทุนDIF จะไม่ได้รับสิทธิจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่) และวันRecord Date เป็นวันที่5 สิงหาคม2562  โดยกำหนดอัตราส่วนสิทธิจองซื้อแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิในอัตราส่วน9.40 หน่วยลงทุนเดิมต่อ1 หน่วยลงทุนใหม่

ล่าสุดกองทุนDIF ได้กำหนดราคาเสนอขายหน่วยลงทุนใหม่ที่15.90 บาทต่อหน่วยโดยจะเปิดให้ผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่มีสิทธิจองซื้อสามารถจองซื้อหน่วยลงทุนใหม่ในวันที่20 - 23 สิงหาคมนี้ตามอัตราส่วนใช้สิทธิจองซื้อที่กำหนดพร้อมกันนี้ได้ประกาศจ่ายเงินปันผลแก่ผู้ถือหน่วยลงทุนDIF จากงวดผลการดำเนินงานวันที่1 เมษายน2562 ถึงวันที่31 กรกฎาคม2562 ในอัตราหน่วยละ0.3469 บาทโดยกำหนดขึ้นเครื่องหมายXD ในวันที่26 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้สำหรับผู้ถือหน่วยลงทุนเดิมที่ได้ใช้สิทธิจองซื้อและได้รับการจัดสรรหน่วยลงทุนใหม่จากการเสนอขายครั้งนี้นั้นส่วนของหน่วยลงทุนใหม่ที่ได้จองซื้อจะไม่ได้รับเงินปันผลในส่วนของหน่วยลงทุนใหม่ที่จองซื้อดังกล่าวจากการจ่ายเงินปันผลของกองทุน

อนึ่ง การเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่4 จะทำให้ประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุน(Cash Distribution Per Unit หรือDPU) ไม่ต่ำกว่าประมาณการเงินปันส่วนแบ่งกำไรของกองทุนในกรณีที่กองทุนฯไม่ได้เข้าลงทุนในทรัพย์สินเพิ่มเติมครั้งที่4 สำหรับช่วงเวลาตั้งแต่วันที่1 ตุลาคม2562 ถึง30 กันยายน2563 ซึ่งจัดเตรียมโดยบริษัทจัดการตรวจสอบโดยผู้สอบบัญชีที่ได้รับอนุญาตอยู่ที่1.044 บาทต่อหน่วยนอกจากนี้ผู้ถือหน่วยลงทุนDIF จะได้รับยกเว้นภาษีเงินได้จากเงินปันผลที่ได้รับจากกองทุนอีกด้วย

นายณรงค์ศักดิ์ ปลอดมีชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนไทยพาณิชย์จำกัดในฐานะบริษัทจัดการเปิดเผยว่า ณวันที่31 มีนาคม2562 กองทุนDIF มีมูลค่าทรัพย์สินสุทธิอยู่ที่150,289.60 ล้านบาท  ส่วนทรัพย์สินใหม่ที่  จะเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่4 จากกลุ่มทรูประกอบด้วย1. การลงทุนในกรรมสิทธิ์เสาโทรคมนาคมรวม788 เสาแบ่งเป็นเสาที่ตั้งอยู่บนพื้นดิน749 เสาและเสาที่ตั้งอยู่บนดาดฟ้าจำนวนประมาณ39 เสาซึ่งอยู่ในสภาพพร้อมใช้งานและส่วนใหญ่ถูกสร้างขึ้นในระยะเวลาไม่เกิน1 ปี

2. ลงทุนในกรรมสิทธิ์ใยแก้วนำแสง(Fiber Optic Cable หรือFOC) สำหรับให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในเขตพื้นที่ต่างจังหวัดระยะทางประมาณ1,795 กิโลเมตร(หรือประมาณ107,694 คอร์กิโลเมตร) ซึ่งปัจจุบันใช้ให้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในต่างจังหวัดและ3. ลงทุนในกรรมสิทธิ์FOC ซึ่งปัจจุบันใช้รองรับเทคโนโลยีระบบFTTx สำหรับให้บริการอินเทอร์เน็ตและบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตในกรุงเทพฯปริมณฑลและต่างจังหวัดรวมระยะทางประมาณ315 กิโลเมตร(หรือประมาณ40,823 คอร์กิโลเมตร) และประมาณ3,414 กิโลเมตร(หรือประมาณ147,209 คอร์กิโลเมตร) ตามลำดับ

ทั้งนี้การเข้าลงทุนทรัพย์สินกิจการโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมครั้งที่4 จะส่งผลให้กองทุนฯมีทรัพย์สินที่กระจายตัวครอบคลุมทั่วประเทศพร้อมรองรับการขยายตัวทางเทคโนโลยีสื่อสารและความต้องการใช้งานโทรศัพท์เคลื่อนที่ระบบบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ตและไวไฟที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นในอนาคตโดยคาดว่ากองทุนฯจะสามารถจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินส่วนใหญ่ที่เข้าลงทุนเพิ่มเติมโดยการให้เช่าระยะยาวแก่กลุ่มทรูซึ่งเป็นผู้เช่าหลักของกองทุนฯและเป็นหนึ่งในผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายใหญ่ในประเทศไทยที่มีฐานะการเงินแข็งแกร่งนอกจากนี้ยังสามารถนำทรัพย์สินส่วนที่เหลือไปจัดหาผลประโยชน์เพิ่มเติมจากผู้ประกอบกิจการโทรคมนาคมรายอื่นซึ่งจะสร้างมูลค่าเพิ่มแก่กองทุนฯและผู้ถือหน่วยลงทุน

ขณะที่ผลการดำเนินงานในอดีตของกองทุนDIF ย้อนหลัง3 ปี(ปี2559 – 2561) สามารถจ่ายเงินปันส่วนแบ่งกำไรต่อหน่วยลงทุนแก่ผู้ถือหน่วยอย่างสม่ำเสมอรวมต่อปีในอัตรา0.956, 0.975 และ1.016 บาทต่อหน่วยตามลำดับโดยคาดว่าภายหลังเข้าลงทุนเพิ่มเติมครั้งที่4 กองทุนDIF จะสามารถจัดหาผลประโยชน์จากทรัพย์สินที่ลงทุนเพิ่มเติมเพื่อสร้างผลการดำเนินงานที่ดีแก่กองทุนฯ