รมว.เกาหลีเหนือยกเลิกแผนเยือนไทย

ตามที่คาดกันว่า นายรี ยอง โฮ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศเกาหลีเหนือจะมาร่วมประชุมอาเซียนว่าด้วยความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคงในภูมิภาคเอเชียและแปซิฟิก (เออาร์เอฟ) ระหว่างวันที่ 29 ก.ค.-3 ส.ค.นี้ที่กรุงเทพฯ พร้อมกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีว่าการกระทรวง

ล่าสุด เมื่อวันพฤหัสบดี (25 ก.ค.) แหล่งข่าววงการทูตรายหนึ่งเผยกับสำนักข่าวรอยเตอร์ว่า นายรี  ยกเลิกการประชุมแล้ว หลังจากเกาหลีเหนือปล่อยขีปนาวุธพิสัยสั้น 2 ลูก เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่นายคิม จอง อึน กับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ เห็นชอบรื้อฟื้นการเจรจานิวเคลียร์อีกครั้ง

เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมเกาหลีใต้รายหนึ่ง เผยว่า เกาหลีเหนือยิงขีปนาวุธ 2 ลูกจากวอนซัน เมืองท่าทางภาคตะวันออก ลูกหนึ่งข้ามทะเลไปไกลราว 430 กิโลเมตร อีกลูกราว 690 กิโลเมตร ระดับความสูงที่ 50 กิโลเมตร

นักวิเคราะห์บางคนกล่าวว่า เกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธเดิมที่เคยปล่อยเมื่อเดือน พ.ค. แต่ทหารเกาหลีใต้ 2 นาย กล่าวว่า ขีปนาวุธทั้ง 2 ลูกเพิ่งออกแบบมาใหม่

แถลงการณ์จากทำเนียบบลูเฮาส์ของประธานาธิบดีเกาหลีใต้ระบุว่า เกาหลีใต้เป็นฝ่ายจับสัญญาณได้ จึงวิเคราะห์ข้อมูลกับสหรัฐ

นายลี โด ฮุน ทูตนิวเคลียร์เกาหลีใต้หารือทางโทรศัพท์กับนายสตีเฟน บีกัน และนายเคนจิ คานาซุงิ ทูตนิวเคลียร์สหรัฐและญี่ปุ่นเพื่อแบ่งปันข้อมูลการประเมินผลกันแล้ว

ด้านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะของญี่ปุ่น กล่าวว่า การทดสอบขีปนาวุธของโสมแดงครั้งนี้ไม่ส่งผลต่อความมั่นคงของญี่ปุ่น

นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาด้านความมั่นคงแห่งชาติสหรัฐ ที่มีท่าทีแข็งกร้าวกับรัฐบาลเปียงยางมาโดยตลอด ไม่ได้กล่าวถึงการปล่อยขีปนาวุธ หลังจากที่เขาไปเยือนเกาหลีใต้ทวีตข้อความเพียงว่า การประชุมว่าด้วยความมั่นคงในภูมิภาคเป็นไปอย่างสร้างสรรค์

ไม่กี่วันก่อนกระทรวงการต่างประเทศโสมแดงกล่าวหารัฐบาลวอชิงตันว่า ละเมิดสัญญาที่ซ้อมรบร่วมกับเกาหลีใต้ และเมื่อวันอังคาร (23 ก.ค.) นายคิมตรวจสอบเรือดำน้ำลำใหม่ที่ปล่อยยิงขีปนาวุธได้

นายคิม ฮอง คยุน อดีตทูตเกาหลีใต้เผยว่า การปล่อยขีปนาวุธ วิจารณ์เรื่องการซ้อมรบ และอวดเรือดำน้ำใหม่ ล้วนเป็นการส่งสารชัดเจนหนึ่งเดียวว่า จะไม่มีการพูดคุยระดับสูง ถ้าสหรัฐไม่มีท่าทียืดหยุ่นมากกว่านี้

นายคิม ดอง ยัป อดีตทหารเรือปัจจุบันเป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยคยังนัมกล่าวว่า ขีปนาวุธวานนี้เหมือนกับที่เคยทดสอบเมื่อเดือน พ.ค.ที่พอจะสร้างแรงกดดันให้กับวอชิงตันได้