'เพื่อไทย' เตรียมอภิปรายคุณสมบัติ-ปมทุจริตรมต. โดยเฉพาะ 3ป.

'เพื่อไทย' เตรียมอภิปรายคุณสมบัติ-ปมทุจริตรมต. โดยเฉพาะ 3ป.

“เพื่อไทย” เตรียมอภิปรายคุณสมบัติ-ปมทุจริตรัฐมนตรี โดยเฉพาะ 3ป. ตั้งคำถาม “ประวิตร” ร่วมงานสัมมนา พปชร.อาจเข้าข่ายครอบงำพรรคหรือไม่

เมื่อวันที่ 23 ก.ค.62 นายสุทิน คลังแสง ส.ส.มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายอนุสรณ์ เอี่ยมสะอาด โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวภายการประชุมเพื่อหารือเตรียมการอภิปรายในวันแถลงนโยบายของรัฐบาล

โดยนายอนุสรณ์ กล่าวว่า จากการดูนโยบายของรัฐบาลไม่แน่ใจว่าเป็นเอกสารนโยบายรัฐบาลหรือไม่ เนื่องจากดูแล้วเหมือนโบรชัวร์โฆษณาที่เอานโยบายของแต่ละพรรคตอนหาเสียงมารวมกัน โดยบางสิ่งเป็นนโยบายที่ย้อนแย้งกันและกัน ย้ำว่าพรรคเพื่อไทยจะอภิปรายด้านนโยบายเป็นหลักแน่นอน และมองว่าการแถลงนโยบายเป็นการตรวจสอบสัญญาประชาคมที่เคยให้ไว้กับประชาชน

นอกจากนี้ นโยบายที่ระบุไว้ก็เป็นการเขียนไว้แบบกว้างๆ ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยก็มีสิทธิ์อันชอบธรรมในการอภิปรายประเด็นคุณสมบัติของผู้ที่เป็นรัฐมนตรี ส่วนกรณีที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ได้เดินทางไปร่วมงานสัมมนาส.ส.ของพรรคพลังประชารัฐ โดยเฮลิคอปเตอร์ จึงตั้งคำถามว่า พล.อ.ประวิตรไปทำไม เกี่ยวข้องอะไรกับพรรคพลังประชารัฐ ซึ่งอาจเข้าข่ายการครอบงำพรรคการเมือง อีกด้วย

ขณะที่กรณีของรีสอร์ท ที่พรรคพลังประชารัฐใช้สัมมนานั้นมีปัญหาด้านที่ดินสปก. มองว่าเป็นการสนับสนุนธุรกิจที่มีปัญหาเรื่องคดีความ ดังนั้นจะให้ประชาชนไว้ใจได้อย่างไร จากกรณีดังกล่าวจะถูกนำประเด็นทั้ง 3 เข้าไปสู่ที่ประชุมสภาฯ อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ นายอนุสรณ์ ยังย้ำถึงการอภิปรายตรวจสอบเรื่องคุณสมบัติและการทุจริตในรัฐบาลชุดที่แล้วต่อเนื่องมาชุดใหม่นั้น โดยเฉพาะรัฐมนตรี 3 ป. ว่าการที่พรรครัฐบาลตั้งหน่วยองค์รักษ์ขึ้นมา ไม่ใช่เพียงแค่ 2ป. ที่จะถูกอภิปราย แต่ ป.ที่3 ก็จะมีการอภิปรายตรวจสอบการทุจริตอย่างแน่นอน

ด้านนาย สุทิน กล่าวว่า ในส่วนของรูปเล่มนโยบาย ส่วนตัวดูแล้วพบว่า เนื้อหานั้นขัดรัฐธรรมนูญ และบางเรื่องที่ต่างชาติสนใจในนโยบายหนึ่งแต่รัฐบาลไม่ได้เขียนไว้เลย ส่วนตัวมองว่าจะกระทบต่อความเชื่อมั่นในการลงทุน อย่างแน่นอน ซึ่งรายละเอียดขอให้ติดตามในวันแถลงนโยบาย

นายสุทิน ยังกล่าวถึงความพร้อมในการจัดตัวผู้อภิปราย โดยพรรคดำเนินการไปกว่า 80% กลุ่มหลักเป็นเรื่องการตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี และกรณีการทุจริต ซึ่งผู้อภิปรายระดับหัวจะประกอบด้วย นายเสรีพิศุทธ์ เตมียเวส นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ และนายชลน่าน ศรีแก้ว นอกจากนี้ยัง ประกอบด้วยคณะอภิปรายด้านอื่นๆรวมทั้งหมด6ด้าน ซึ่งมีผู้อภิปรายจากพรรคเพื่อไทยทั้งหมด 55 คน