เน้นหุ้นงบ 2Q19 ดี

ตลาดหุ้นวานนี้: SET Index ทรุดตัวลง -7.52 จุด (-0.43%) ปิดที่ระดับ 1,727 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.9 หมื่นล้านบาท หลังตัวเลขการส่งออกไทยเดือยมิ.ย.ยังคงหดตัวลงต่อเนื่องโดย -2.15% ประกอบกับความไม่แน่นอนทางการเมือง หลังศาลรธน.รับคำร้องความเป็นรัฐมนตรีของพล.อ.ประยุทธ์ ไว้พิจารณา ทั้งนี้ส่วนใหญ่เป็นแรงขายในกลุ่ม TRANS, ETRON และ FOOD ส่วนนักลงทุนต่างชาติพลิกเป็นซื้อสุทธิ 2,182 ล้านบาท แต่ Net Short TFEX จำนวน 1,760 สัญญา และขายสุทธิในตลาดพันธบัตร 7,023 ล้านบาท 

แนวโน้มตลาดหุ้นวันนี้: เรามีมุมมองเป็นกลางคาด SET แกว่งตัว 1,720 – 1,735 จุด โดยแม้ว่าภาวะตลาดจะได้แรงหนุนจากข่าวสหรัฐใกล้บรรลุข้อตกลงงบประมาณเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐเป็นเวลา 2 ปีเพื่อหลีกเลี่ยงภาวะ Shutdown รวมถึงกระแส Fund Flow ต่างชาติที่ยังคงไหลเข้าต่อเนื่องจากความคาดหวัง FED ปรับลดอัตราดอกเบี้ยในการประชุม 30 – 31 ก.ค. อย่างไรก็ตามสถานการณ์ในตะวันออกกลางที่ยังตึงเครียดหลังอิหร่านเข้ายึดเรือบรรทุกน้ำมันของอังกฤษ รวมถึงนักลงทุนจะให้ความสนใจการ Preview งบ 2Q19 ในกลุ่ม Real sector ที่กำลังจะทยอยประกาศซึ่งโดยรวมคาดว่างบชะลอตัวลงจากค่าใช้จ่ายผลประโยชน์พนักงานรวมถึงแรงกดดันจากภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวซึ่งจะส่งผลให้ทิศทางการลงทุนมีความผันผวนในช่วงนี้

กลยุทธ์การลงทุน: Selective Buy

• กลุ่มที่คาดว่างบ 2Q19 จะเติบโตขึ้น (PTTEP, EA, BGRIM, GPSC, CKP, CPF, GFPT, TFG, CPALL, MTC, THANI, VGI, PLANB, MINT, VNT, WORK, MAJOR, JMT, PRM)
• กลุ่มขนส่งทางเรือ (PSL, TTA) อานิสงส์ค่าระวางเรือปรับตัวขึ้นสูงสุดในรอบ 5 ปีล่าสุด 2,191 จุด
• หุ้นปันผลครึ่งปีเด่น (INTUCH, ADVANC, KKP, TCAP, LH, QH)

หุ้นแนะนำวันนี้: AMATA (ปิด 24.1 ซื้อ/เป้า Consensus 26.5 บาท) ได้ Sentiment บวกจากภาพการเมืองที่ชัดเจนรัฐบาลใหม่เตรียมแถลงนโยบายในช่วงวันที่ 25-26 ก.ค. คาดเดินหน้า EEC ต่อ ขณะเดียวกันสงครามการค้าระหว่างจีนกับสหรัฐยังหนุนให้เกิดเงินทุนเคลื่อนย้ายจากจีนมาไทยเพื่อเลี่ยงปัญหา Trade war มากขึ้น, TOP (ปิด 71.25 ซื้อ/เป้า 80 บาท) เรามองว่าตลาดมองข้ามผลประกอบการที่อ่อนแอใน 2Q19 ไปแล้วและเริ่มคาดหวังถึงผลกำไรที่จะกลับมาฟื้นตัวในครึ่งปีหลังและปี 2020 มากขึ้น โดยมีปัจจัยหนุนจากค่าการกลั่นที่กลับมาฟื้นตัว (2-3$/bbl ใน 1H19 ขึ้นมาเป็น 7-8$/bbl ในปัจจุบัน และปีหน้าจะได้ผลบวกจากมาตรการใหม่ของ IMO ที่บังคับให้กองเรือปล่อยกำมะถันและซัลเฟอร์ลดลงคาดว่าจะหนุนให้ความต้องการใช้น้ำมันดีเซลเพิ่มมากขึ้น

KSS report วันนี้: ADVANC (ปิด 216 ซื้อ /เป้าใหม่ 232 เดิม 215)

ประเด็นสำคัญวันนี้:

• (+) คลายกังวลภาวะ US Shutdown หลังสภาคองเกรสใกล้ได้ข้อสรุปในการเพิ่มเพดานหนี้ของสหรัฐไปอีก 2 ปี : เนื่องจากปัจจุบันรัฐบาลสหรัฐมีเงินงบประมาณในการบริหารประเทศได้อีกเพียงแค่ 2 เดือน ดังนั้นหากสภาคองเกรสไม่สามารถเพิ่มเพดานหนี้ให้กับรัฐบาลจะทำให้สหรัฐมีความเสี่ยงที่จะเกิดภาวะ US Shutdown ได้อีกครั้ง อย่างไรก็ตามล่าสุดมีกระแสข่าวในทางบวกว่าสภาคองเกรสใกล้จะบรรลุข้อตกลงในการผ่านร่างกฏหมายงบประมาณฉบับใหม่รวมถึงการเพิ่มเพดานหนี้ให้กับภาครัฐไปอีก 2 ปี ซึ่งคาดว่าปัจจัยหนี้จะช่วยให้สหรัฐรอดพ้นจากภาวะ US Shutdown ไปได้ 
• (-) 2.15%yoy 8%yoy 3GDP 2Q19 กระทรวงพาณิชย์รายงานยอดส่งออกเดือน มิ.ย. หดตัว 2.15%yoy น้อยกว่าเดือน พ.ค.ที่หดตัว 5.8%yoy และดีกว่าที่ Consensus คาดว่าจะหดตัว 5%yoy อย่างไรก็ตามหากหักรายการที่เกี่ยวเนื่องกับทองคำและน้ำมันออกยอดส่งออกจะหดตัว 8%yoy หดตัวมากที่สุดในรอบกว่า 3 ปีครึ่ง เนื่องจากได้รับผลกระทบจากปัญหาสงครามการค้า ส่งผลให้สินค้าส่งออกหลักหดตัวในหลายรายการ อาทิ รถยนต์ และ อุปกรณ์ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เช่นเดียวกับตลาดส่งออกหลักที่หดตัวในเกือบทุกตลาด อาทิ สหรัฐ, จีน รวมถึงตลาดในกลุ่มอาเซียน
• (+/-) 0.9%yoy, 7.1%yoy จำนวนนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเดือน มิ.ย.เพิ่มขึ้นเป็น 3.05 ล้านคนเพิ่มขึ้น 0.89%yoy จากจำนวนนักท่องเที่ยวชาวอินเดียที่เพิ่มขึ้นเป็น 1.92 แสนคนเพิ่มขึ้น 27.2%yoy ชดเชยจำนวนนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงสู่ระดับ 8.37 แสนคนลดลง 7.1%yoy อย่างไรก็ตามเราคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวจีนน่าจะผ่านจุดต่ำสุดของปีมาแล้ว เพราะหากเทียบเป็นรายเดือนจำนวนนักท่องเที่ยวจีนเพิ่มขึ้น 5.3%mom และเป็นการเพิ่มขึ้น mom เป็นครั้งแรกในรอบ 5 เดือน
• (+/-) ปัจจัยที่ต้องติดตาม - 25 ก.ค. ECB meeting และ 26 ก.ค.สหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 2/19:  ในวันที่ 25 ก.ค.จะมีการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของยุโรป (ECB) คาดคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 0% ตามเดิม และวันที่ 26 ก.ค. สหรัฐประกาศ GDP ไตรมาส 2/19 Consensus คาดขยายตัว 1.8% หดตัวลงจาก ไตรมาส 1/19 ที่ขยายตัว 3.1% ปัจจัยนี้อาจหนุนให้เฟดลดดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นจาก 0.25% เป็น 0.5%