‘กลุ่มเสื้อขาว’ป่วนม็อบฮ่องกง

‘กลุ่มเสื้อขาว’ป่วนม็อบฮ่องกง

เจ้าหน้าที่รัฐบาลวัย 22 ปีรายหนึ่งเล่าบรรยากาศโกลาหล ผู้คนหนีกระเจิงจากขบวนรถ พร้อมๆ กับมีคนตะโกนว่า บนถนนก็มีแก๊งอันธพลรอทำร้ายประชาชนด้วย

การชุมนุมวันอาทิตย์ดูเหมือนเป็นกิจวัตรประจำสัปดาห์ของชาวฮ่องกงไปแล้ว ภารกิจต่อต้านร่างกฎหมายส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนให้จีนยังไม่ยุตินับวันผู้ชุมนุมก็แสดงเจตจำนงพุ่งเป้าไปที่จีนมากขึ้น แต่ล่าสุดเกิดเหตุรุนแรงไม่คาดฝัน เมื่อมีแก๊งอันธพาลคอยทำร้ายประชาชน ขณะที่ตำรวจดูเพิกเฉยกับเหตุอุกอาจครั้งนี้

คืนวันอาทิตย์ (21 ก.ค.) เกิดเหตุกลุ่มชายสวมเสื้อยืดสีขาว สวมหน้ากาก หลายคนถือกระบองบุกเข้าไปที่สถานีรถไฟใต้ดินเหยินหลง แล้วขึ้นไปทำร้ายผู้โดยสารถึงบนขบวนรถประชาชนหลายคนถ่ายคลิปมาเผยแพร่บนโลกออนไลน์ รวมทั้งหล่ำ เจิก ติง ส.ส.จากพรรคประชาธิปไตย

ผู้เห็นเหตุการณ์เล่าว่า กลุ่มอันธพาลดูเหมือนตั้งใจทำร้ายผู้โดยสารสวมเสื้อเชิ้ตดำ ที่ไปร่วมเดินขบวนต่อต้านรัฐบาล และคืนนั้นเพิ่งเกิดเหตุผู้ชุมนุมหลายพันคนไปล้อมอาคารสำนักงานประสานงานจีนแผ่นดินใหญ่จนปะทะกับตำรวจ

หล่ำ ซึ่งถูกทำร้ายด้วยเช่นกัน เล่าว่า เขาแจ้งตำรวจแล้วแต่ตำรวจมาที่เกิดเหตุช้ามาก ต้องรอถึงชั่วโมงกว่าจะมาถึงกลุ่มคนร้ายจึงหนีไปได้ ขณะนี้พรรคประชาธิปไตยกำลังสอบสวนเหตุร้ายครั้งนี้

“เดี๋ยวนี้ฮ่องกงปล่อยให้พวกอันธพาลทำอะไรก็ได้อย่างงั้นเหรอ นึกจะเอาอาวุธมาทุบตีประชาชนบนถนนก็ทำ”ส.ส.กล่าวอย่างมีอารมณ์

เจ้าหน้าที่รัฐบาลวัย 22 ปีรายหนึ่งเล่าบรรยากาศโกลาหล ผู้คนหนีกระเจิงจากขบวนรถ พร้อมๆ กับมีคนตะโกนว่า บนถนนก็มีแก๊งอันธพลรอทำร้ายประชาชนด้วย

“ผู้คนจึงหนีกันทุกทิศทุกทาง ไม่ให้ถูกทำร้าย”

เช้าตรู่วันจันทร์ (22 ก.ค.) ตำรวจแถลงว่ายังไม่ได้จับกุมผู้ใดระหว่างก่อเหตุ หรือขณะตรวจค้นที่หมู่บ้านใกล้เคียง ขณะนี้คดีอยู่ระหว่างการสอบสวน

หยั่ว ไหน่ เกิ้งรองผู้บังคับการตำรวจเหยินหลง เผยว่า ที่ตำรวจเข้าไปในจุดเกิดเหตุช้าเพราะตำรวจประจำจุดต้องรอเจ้าหน้าที่สนธิกำลังเข้าไปเพิ่มเติม เนื่องจากเหตุการณ์ชุลมุนมากมีคนเกี่ยวข้องกว่า 100 คน

แต่เมื่อตำรวจไปถึง กลุ่มชายเสื้อยืดขาวที่หลายคนแจ้งว่า ถือกระบองเหล็ก ไม้ หรือหวายคอยอยู่แถวหมู่บ้านใกล้จุดเกิดเหตุ ก็ไม่ได้มีอาวุธใดๆ ให้เห็นอีกแล้ว

“เราจะกล่าวหาว่าเขากระทำผิดเพราะสวมเสื้อยืดขาวแล้วจับกุมตัวไปไม่ได้ เราต้องปฏิบัติกับทุกคนเท่าเทียมกันไม่ว่าอยู่ฝ่ายไหน”ตำรวจชี้แจง

ก่อนเกิดเหตุที่สถานีรถไฟใต้ดิน ผู้ประท้วงต่อต้านรัฐบาลฮ่องกงก่อเหตุสาดสี ปาไข่ และพ่นสีสเปรย์เป็นประโยคและวลีต่อต้านแผ่นดินใหญ่ที่กำแพงอาคารสำนักประสานงานกลางจีนแผ่นดินใหญ่ ประจำเขตบริหารพิเศษฮ่องกง จนตำรวจต้องใช้กระสุนยางและแก๊ซน้ำตาสลายการชุมนุม

หวัง จี้หมินผู้อำนวยการสำนักงานประณามการกระทำดังกล่าวว่าเป็นการ “ดูหมิ่นคนจีนทั้งประเทศ”

“การกระทำเยี่ยงนี้ทำลายจิตวิญญาณการเคารพหลักนิติธรรมของฮ่องกงอย่างร้ายแรง ทั้งยังทำร้ายความรู้สึกของชาวจีนทั้งมวล รวมถึงชาวฮ่องกงผู้เป็นเพื่อนร่วมชาติอีก 7 ล้านคนด้วย”

หวังประณามการประท้วงครั้งนี้อย่างรุนแรง และสนับสนุนให้รัฐบาลฮ่องกงนำตัวผู้ก่อจลาจลมาดำเนินคดี

ด้านสื่อรัฐบาลจีนรับลูกประณามการประท้วงเช่นกัน สำนักข่าวซินหัวรายงานอ้างตัวแทนสำนักงานรายหนึ่งผู้ไม่เปิดเผยนาม กล่าวว่า การประท้วงเป็นการท้าทายอำนาจรัฐบาลปักกิ่งแบบซึ่งๆ หน้า “พฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นพฤติกรรมที่ส่งผลลัพธ์เลวร้าย จึงไม่ควรนิ่งเฉยอีกต่อไป”

ซินหัวยังรายงานอ้างคำพูดโฆษกสำนักงานกิจการฮ่องกงและมาเก๊า ประจำคณะมนตรีแห่งรัฐ ประณามพฤติกรรมเลวร้ายของผู้ประท้วงสุดโต่งบางคน

“เราสนับสนุนรัฐบาลเขตบริหารพิเศษฮ่องกงอย่างแข็งขัน ให้ดำเนินมาตรการจำเป็นทุกอย่างตามหลักกฎหมาย เพื่อรับรองความปลอดภัยของหน่วยงานรัฐบาลกลางที่มีสำนักงานอยู่ในฮ่องกง คุ้มครองหลักนิติธรรม และลงโทษอาชญากร”

เหตุการณ์เมื่อวันอาทิตย์ สำนักงานพยาบาลรายงานว่า เหตุโจมตีที่เหยินหลงมีผู้ได้รับบาดเจ็บ 45 คน สาหัส 1 คน ที่สำนักงานประสานงานจีนบาดเจ็บราว 13 คน สาหัส 1 คนเช่นกัน และมีตำรวจได้รับบาดเจ็บจำนวนหนึ่ง เพราะถูกผู้ประท้วงปาก้อนอิฐ ระเบิดควัน และระเบิดขวดเข้าใส่

ความไม่สงบในฮ่องกงถือเป็นความท้าทายใหญ่สุดของประธานาธิบดีสี จิ้นผิง นับตั้งแต่ครองอำนาจเมื่อปี 2555ผู้ชุมนุมยืนยันว่าจะเคลื่อนไหวต่อเนื่องจนกว่าข้อเรียกร้องหลักจะได้รับการตอบสนองนั่นคือชาวฮ่องกงต้องได้เลือกตั้งผู้นำโดยตรง ปล่อยตัวผู้ประท้วงที่ถูกจับกุม สอบเหตุตำรวจรับมือม็อบรุนแรง และแคร์รี หล่ำ ผู้บริหารสูงสุดเขตบริหารพิเศษฮ่องกงผู้สนับสนุนรัฐบาลปักกิ่งต้องลาออก แต่จีนไม่เคยรับฟังข้อเรียกร้องเหล่านี้

คนที่เห็นใจฮ่องกงก็คือไต้หวันโจเซฟ อู๋รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศไต้หวัน ที่เดินทางไปเยือนมิตรประเทศแถบแคริบเบียนพร้อมกับประธานาธิบดีไช่ อิงเหวิน แล้วกลับมาแวะที่เมืองเดนเวอร์ของสหรัฐ ทวีตข้อความว่า ถึงเวลาแล้วที่ผู้นำฮ่องกงจะยอมให้ประชาชนเลือกตั้งผู้นำโดยตรงเสียที

“ช่างน่าเศร้าที่ได้เห็นหลักนิติธรรมในฮ่องกงเสื่อมถอย ประชาชนกับรัฐบาลแตกแยกกันทุกทีวิธีที่จะเดินหน้าต่อไปได้ต้องด้วยการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตยอย่างแท้จริงเท่านั้นไม่มีการก่อเหตุรุนแรงตามท้องถนนหรือสถานีรถไฟใต้ดิน เสรีภาพของประชาชนและสิทธิมนุษยชนต้องได้รับการคุ้มครอง”