ปรับตัวลงต่อ

ปรับตัวลงต่อ

ดัชนีวานนี้ปิดลงแรง เช่นเดียวกับตลาดหุ้นภูมิภาคที่ส่วนใหญ่อยู่ในแดนลบ หลังจากที่ทรัมป์ขู่เรียกเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเพิ่ม

สร้างความกังวลว่าสงครามการค้าระหว่างสหรัฐ-จีน จะกลับมาอีกครั้ง นอกจากนี้ ตลาดภายในประเทศยังถูกดดันจากกลุ่มปิโตรเคมี จากค่าสเปรดที่แย่ลง ประกอบกับนักลงทุนสถาบันขายสุทธิกว่า 3,354.59 ลบ. อย่างไรก็ดี นักลงทุนต่างชาติคงสถานะซื้อสุทธิที่ 682.03 ลบ. ส่งผลให้ดัชนี SET Index ปิดที่ 1,718.85 จุด (-9.13 จุด) Volume 6.3 หมื่นลบ. TFEX Net +6,733 สัญญา ตลาดตราสารหนี้ -3,645 ลบ.

ปัจจัยบวก / ปัจจัยลบ

+ครม.ชุดใหม่เริ่มปฏิบัติงานเดินหน้าพิจารณาแผนกระตุ้นเศรษฐกิจ

+ Fund Flow ต่างชาติมีสถานะซื้อ YTD 5.9 หมื่นลบ. ค่าเงินบาท 30.87 บาท/US

-ดาวโจนส์ปิดลดลง 115.78 จุด -0.42% ที่ 27,219.85 จุด จากการร่วงลงของหุ้นกลุ่มขนส่ง หลังเผยผลประกอบการอ่อนแอ จากผลกระทบของสงครามการค้าสหรัฐ-จีน ประกอบกับ Beige Book เผยว่า ภาคเอกชนของสหรัฐยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้า

-น้ำมันดิบ WTI ลดลง 84 เซนต์ -1.5% ปิด 56.78 ดอลลาร์/บาร์เรล หลัง  EIA เผยว่าสต็อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลง 3.1 ล้านบาร์เรลน้อยกว่าที่คาดว่าจะลดลง 4.2 ล้านบาร์เรล ประกอบกับสถานการณ์ตึงเครียดระหว่างสหรัฐ-อิหร่าน เริ่มคลายความกังวล

-สหรัฐเผยตัวเลขเริ่มต้นสร้างบ้านเดือนมิ.ย. อยู่ที่ระดับ 1.253 ล้านยูนิต

-0.9%MoM ต่ำกว่าคาด ส่วนจำนวนผู้ขอสินเชื่อจำนองลดลง 1.1% ในสัปดาห์ที่แล้ว เนื่องจากดอกเบี้ยเงินกู้ปรับตัวขึ้น

-รัฐบาลและสภาคองเกรสจะต้องเร่งบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับการเพิ่มเพดานหนี้ภายในวันศุกร์นี้เพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานรัฐบาล(ชัตดาวน์)ครั้งใหม่เพราะมีงบประมาณอีกเพียง 2 เดือนจนถึงเดือนก.ย.

- IMF ชี้ดอลลาร์แข็งค่ามากเกินไป 6-12% ขณะเตือนสงครามการค้ากระทบศก.โลก

*จับตาสหรัฐเผยจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีการผลิตเดือนก.ค. และดัชนีชี้นำเศรษฐกิจเดือนมิ.ย.

แนวโน้มตลาดหุ้นไทย

คาดดัชนีตลาดหุ้นไทยปรับตัวลงต่อ หลังเฟดเปิดเผยรายงาน Beige Book ซึ่งระบุว่า ภาคเอกชนยังวิตกกังวลผลกระทบจากข้อพิพาททางการค้า ประกอบกับตลาดอาจได้รับแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มพลังงาน หลังราคาน้ำมันดิบ WTI ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง จากการที่ EIA รายงาน สต๊อกน้ำมันดิบสหรัฐลดลงน้อยกว่าคาด คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,714-1,725 จุด

กลยุทธ์การลงทุน

เน้นลงทุนในหุ้น Theme EEC play (AMATA WHA ROJNA EASTW ATP30 ORI) หุ้นที่ได้ประโยชน์จากการจัดตั้งรัฐบาลชุดใหม่ (STEC CK STPI SEAFCO) ,หุ้นกลุ่มเดินเรือ (TTA PSL RCL AMA) ,หุ้นที่ได้ประโยชน์จากเงินบาทอ่อนค่าหลังธปท.ออกมาตรการสกัดเงินร้อน (HANA DELTA KCE)

หุ้นรายงานพิเศษ

JKN Company Visit (ราคาปิด 8.55 บาท “ซื้อ” ราคาเหมาะสม 10 บาท)

วานนี้บริษัทพาเข้าเยี่ยมชมห้องถ่ายทอดรายการ JKN-CNBC ที่เพิ่งเริ่มดำเนินการออกอากาศครั้งแรกเมื่อ 1 ก.ค.ที่ผ่านมา โดย JKN-CNBC มีรูปแบบรายการข่าวเชิงเศรษฐกิจ การเงิน และหุ้น ที่มีการนำเสนอให้เข้าใจง่ายเพื่อเข้าถึงกับคนทุกกลุ่มทุกวัย ปัจจุบันมีการถ่ายทอดสดทางช่อง GMM25 ในช่วงวันจันทร์-ศุกร์ เป็นเวลา 5 ชม./วัน นอกจากนี้ บริษัทยังเตรียมส่งคอนเทนต์ JKN-CNBC เพิ่มเติมจากเดิมอีก 4 ช่องได้แก่ AMARIN, TRUE4U, TNN และ ททบ.5 โดยบริษัทมีรายได้จากธุรกิจดังกล่าว 2 ช่องทาง คือ รายได้จากช่วงโฆษณา และการโฆษณาแฝงในเนื้อหาของรายการ (Tie-in) ทั้งนี้ บริษัทฯตั้งเป้ารายได้สำหรับ JKN-CNBC ในปีนี้ราว 60 ลบ. หรือคิดเป็น 3-5% ของรายได้รวม นอกจากนี้ ณ สิ้นงวด 1Q62 บริษัทมีรายได้รอรับรู้ (Backlog) ราว 700 ลบ.

ความเห็น จากความกังวลเรื่องช่องทีวีดิจิตอลคืนช่องจะส่งผลกระทบต่อรายได้  ฝ่ายวิจัยประเมินว่ายังมีบางช่อง (BEC) แม้คืนช่องแล้วยังซื้อ content  ต่อเนื่องในนามบริษัทแม่  การที่บริษัทมีแผนเชิงรุกในการไปโรดโชว์ขาย content ในต่างประเทศจะสามารถสร้างยอดขายมาชดเชยได้  เบื้องต้นเรายังประมาณการรายได้ปี 62 ราว 1,683 ลบ. +18%YoY และคาดการณ์กำไรสุทธิราว 300 ลบ. +32%YoY

หุ้นมีข่าว   

·      CIMBT (ราคาปิด 0.72) รายงานงวด 2Q62 มีกำไรสุทธิ 105 ล้านบาท ลดลง 45%YoY ครึ่งแรกของปี 62 มีกำไรสุทธิ 430 ล้านบาท ลดลง 68%YOY เนื่องจากรายได้จากการดำเนินงานเพิ่มขึ้นเพียง 1.2% สำรองหนี้สงสัยจะสูญลดลง 31% ขณะที่คชจ.ในการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 16.9% เงินให้สินเชื่อสุทธิเพิ่มขึ้น 4.2%YTD  %NPL เพิ่มขึ้นเป็น 4.5% จาก 4.3% ณ ปลายปี 61  และมีอัตราส่วนค่าเผื่อหนี้สงสัยจะสูญต่อเงินสินเชื่อด้อยคุณภาพ (Coverage Ratio) 106.5% ลดลงจากปลายปี 61 ที่ระดับ 107% เงินกองทุนรวมต่อสินทรัพย์เสี่ยงเท่ากับ 18.7%

·      JUBILE (ราคาปิด 17.20 บาท ราคาเหมาะสม 18.9 บาท)  ปลื้มจัดงาน “Jubilee Diamond The Brilliance of 90 Years Journey” ลูกค้าให้การตอบรับดีทุกพื้นที่ หลังจัดกิจกรรมทั้งในกรุงเทพฯ และในสาขาที่เป็น strategic location ทั่วประเทศในช่วงเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      ADVANC (ราคาปิด 216.00 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 216.5 บาท) แจ้งนำเงินค่าประมูลคลื่น 900 MHz งวดที่ 3 จำนวน 4,301.40 ล้านบาท มาชำระให้ “กสทช.” ในวันนี้ ขณะที่เตรียมประกาศงบไตรมาส 2/62 วันที่ 5 ส.ค.62 (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      SPALI (ราคาปิด 23.40 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 24.58 บาท) เตรียมเปิดจอง “ศุภาลัย โนโว วิลล์ สุราษฎร์ธานี”  มูลค่าโครงการกว่า 523 ล้านบาท ชูแบบบ้านซีรีส์ใหม่ ราคาเริ่ม 1.29 ล้านบาท พร้อมจัดงาน Pre-Sales ศุภาลัย ปาร์ค สถานีแยกไฟฉาย ในวันที่ 20-21 ก.ค.นี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      SEAFCO (ราคาปิด 8.25 บาท ราคาเหมาะสม Bloomberg consensus 10.30 บาท) ฉายภาพแนวโน้มครึ่งหลัง 2562 เติบโตต่อเนื่อง พร้อมจับตานักลงทุนต่างชาติรุกอุตสาหกรรมโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มขึ้น ด้านบริษัทมองไร้ปัญหา ใส่เกียร์เดินหน้ารับงานใหม่ แถมโชว์งานในมือกว่า 3,300 ล้านบาท มั่นใจสิ้นปี 2562 รายได้เข้าเป้า (ที่มา ทันหุ้น)

·      CMC (ราคาปิด 1.34) ย้ำยอดขายปีนี้มาตามนัด 5,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิดเพิ่ม 8 โครงการ มูลค่ารวม 8,400 ล้านบาท ในครึ่งปีหลัง เชื่อตลาดอสังหาฯ ฟื้นตัวหลังมีรัฐบาลใหม่ พร้อมย้ำเป้ารายได้ปีนี้โต 50% แตะ 3,000 ล้านบาท นอกจากนี้เล็งปิดดีลร่วมทุนกับพันธมิตรต่างประเทศภายในปีนี้ (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      PF (ราคาปิด 0.79) ย้ำยอดขายปีนี้มาตามนัด 19,000 ล้านบาท หลังครึ่งปีแรกทำได้แล้ว 8,000 ล้านบาท เดินหน้าเปิด 7-8 โครงการ มูลค่ารวม 13,000 ล้านบาทในช่วงครึ่งปีหลัง พร้อมคงเป้ายอดโอนปี 62 ไว้ที่ 18,000 ล้านบาท (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      EPCO (ราคาปิด 3.62) ทุ่มเงินลงทุน 72 ล้านบาท ซื้อหุ้น WPS โรงพิมพ์เนชั่นเพิ่ม 15% ดันสัดส่วนถือหุ้นขยับแตะ 99.50% พร้อมขยายไลน์ธุรกิจผลิตกล่องลูกฟูกและผลิตภัณฑ์อื่นๆ เจาะกลุ่มลูกค้าช้อปสินค้าออนไลน์ มั่นใจดันรายได้-กำไรธุรกิจสิ่งพิมพ์โตก้าวกระโดด (ที่มา ข่าวหุ้น)

·      FORTH (ราคาปิด 5.85) บอร์ดอนุมัติโครงการซื้อหุ้นคืนวงเงินไม่เกิน 300 ล้านบาทเพื่อซื้อหุ้นคืนไม่เกิน 50 ล้านหุ้น ราคาพาร์ 0.50 บาท หรือคิดเป็นจำนวน 5.21% ของหุ้นที่จำหน่ายได้แล้วทั้งหมด โดยจะซื้อหุ้นคืนในตลท.ระหว่าง 15 ส.ค.62 -14 ก.พ. 63 นอกจากนี้ บอร์ดยังอนุมัติการปรับโครงสร้างกิจการโดยการโอนกิจการบางส่วน (Partial Business Transfer: PBT) ในการโอนธุรกิจบริการผลิตผลิตภัณฑ์อิเล็กทรอนิกส์แบบครบวงจรทั้งทรัพย์สิน หนี้สิน และบุคลากรให้แก่ บริษัท ฟอร์ท อีเอ็มเอส จำกัด (Forth EMS) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยที่จัดตั้งขึ้นใหม่ถือหุ้นในสัดส่วน 99.99%  ทั้งนี้ การโอนกิจการบางส่วนคาดว่าจะเริ่มดำเนินการภายในเดือนส.ค.62 และเสร็จสิ้นภายในรอบระยะเวลาบัญชีปี 62